เสียชีวิต 17 ราย เหตุระเบิดอาคารสำนักงานในบังกลาเทศ

เกิดเหตุระเบิดภายในอาคารสำนักงานในย่านการค้าอันพลุกพล่านของกรุงธากา เมืองหลวงของบังกลาเทศ มีผู้เสียชีวิตล่าสุด 17 รายและบาดเจ็บอีกกว่า 100 คน

เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและหน่วยกู้ภัยกำลังทำงานท่ามกลางเศษซากความเสียหาย หลังเกิดเหตุระเบิดภายในอาคารสำนักงานแห่งหนึ่งในย่านการค้าอันพลุกพล่านของกรุงธากา ประเทศบังกลาเทศ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม (Photo by Rehman Asad / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันอังคารที่ 7 มีนาคม 2566 กล่าวว่า เกิดการระเบิดโดยไม่ทราบสาเหตุในอาคารสำนักงานแห่งหนึ่งย่านใจกลางเมืองอันพลุกพล่านของกรุงธากา เมืองหลวงของบังกลาเทศ

เสียงระเบิดเกิดขึ้นที่ชั้น 1 ของอาคารสูง 7 ชั้นในเขตกูลิสตัน ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าส่งที่สำคัญในกรุงธากา ก่อนเวลา 17.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น (18.00 น. ตามเวลาประเทศไทย)

ชั้นอื่นๆของอาคารและผนังด้านข้างถูกทำลายจากแรงระเบิด และเศษอิฐเศษปูนปลิวว่อนไปตามถนนที่มีผู้คนสัญจรอยู่จำนวนมาก

หน่วยงานตำรวจท้องถิ่นให้ข้อมูลกับเอเอฟพีว่า มีผู้เสียชีวิตล่าสุด 15 ราย และผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 112 รายถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลวิทยาลัยการแพทย์ธากา โดยส่วนใหญ่มีบาดแผลที่ศีรษะและกระดูกหัก

ถึงแม้ไม่มีไฟไหม้ในตัวอาคารซึ่งเป็นที่ตั้งของโกดังสินค้า, ร้านขายอุปกรณ์ห้องน้ำ และพื้นที่เชิงพาณิชย์อื่นๆ แต่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงกว่า 150 นาย ก็มารวมตัวในที่เกิดเหตุเพื่อช่วยเหลือในปฏิบัติการกู้ภัย ขณะที่สาเหตุของการระเบิดยังคงอยู่ระหว่างการสอบสวนว่าเป็นการก่อวินาศกรรมหรืออุบัติเหตุ

ทั้งนี้ เหตุไฟไหม้และการระเบิดร้ายแรงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยกับอาคารและโรงงานในบังกลาเทศ โดยมักจะเกิดจากถังแก๊ส, เครื่องปรับอากาศ และการเดินสายไฟฟ้าที่ไม่ได้มาตรฐาน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘บิ๊กทิน’ ยันการข่าวไม่ล้มเหลว แม้บึ้มไล่หลัง ‘ผบ.ทบ.’ สั่งคุมเข้มไฟใต้

โฆษกรมว.กลาโหม เผย บิ๊กทิน สั่งติดตามไฟใต้ใกล้ชิด เชื่อการข่าวไม่ล้มเหลว แม้บึ้มไล่หลัง ผบ.ทบ. สั่งดูแลผู้บาดเต็มที่ ย้ำหน่วยงานความมั่นคง เสริมจุดบอด

คุมตัวผู้ต้องสงสัย เหตุคาร์บอมบ์หน้าแฟลตตำรวจบันนังสตา เค้นข้อมูล

ความคืบหน้าเหตุการณ์ คนร้ายลอบวางระเบิดแสวงเครื่องประกอบในรถยนต์ (คาร์บอมบ์) บริเวณหน้าแฟลตที่พักข้าราชการตำรวจ สถานีตำรวจภูธรบันนังสตา

ระเบิดไล่หลัง! 'ผบ.ทบ.' เยี่ยมทหารพราน 'บันนังสตา'

30 มิ.ย.2567 - พลเอก เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พร้อมด้วย ผู้บังคับบัญชาจากกองทัพบก ยังคงตรวจเยี่ยมเพื่อให้กำลังใจทหารที่ปฏิบัติหน้าที่จังหวัดชายแดนใต้อย่างต่อเนื่อง โดยในวันนี้ได้ไปตรวจเยี่ยมหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 33 อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลารับฟังการบรรยายสรุปติดตามผลการปฏิบัติงาน พร้อมมอบของบำรุงขวัญเพื่อเป็นกำลังใจให้กับกำลังพล โดยมี พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4และคณะให้การต้อนรับ ผู้บัญชาการทหารบก ได้กล่าวให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง เสียสละ พร้อมทั้งเชื่อมั่นและมั่นใจในการทำงานของทุกคนปฏิบัติหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ “ในทุกวันหยุดถ้าไม่ติดภารกิจอะไรผมได้บอกทีมงานของผมว่า ไปเยี่ยมลูกน้องและผู้ปฏิบัติหน้าที่กัน เพราะวันทำงานปกติก็มีภารกิจต่อเนื่องอยู่แล้ว พวกท่านที่ทำงานอยู่ในพื้นที่และในสนามก็แทบไม่มีวันหยุด เพราะฉะนั้นการที่ผมได้มาก็รู้สึกมีความสุขเพราะได้มีการ พบปะพูดคุย ให้กำลังใจ รับรู้ข้อมูลในพื้นที่ เห็นพื้นที่ปฏิบัติการ ความเป็นอยู่ เพื่อนำไป แก้ไข เติมในสิ่งที่ขาด ผมมาที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 33 เป็นหน่วยสุดท้ายพวกท่านอย่าได้น้อยใจเพราะเราเชื่อมั่นว่า ท่านปฎิบัติหน้าที่ด้วยเข้มแข็ง ประสานงานกับ ทางจังหวัด อำเภอ เจ้าหน้าที่ ตร. ทำงานได้ และทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ จึงไม่น่ากังวล แต่ที่บอกว่าหน่วยสุดท้าย คือใกล้ทำงานครบ 1 ปีหน่วยนี้คือหน่วยสุดท้ายในพื้นที่ แต่ยังยังเหลือกองกำลังชายแดนที่ต้องไปอีก” ผู้บัญชาการทหารบก ระบุ จากนั้นผู้บัญชาการทหารบก ได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ คนร้ายลอบวางระเบิดใกล้ในพื้นที่ บ้านไอร์ตืองอ อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส เป็นเหตุให้ จ่าสิบเอก เจริญ เพ็ชรภิมล กำลังพลในหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 49ได้รับบาดเจ็บสาหัส นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารบกยังได้เยี่ยมกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ความรุนแรงที่ผ่านมาที่ยังคงพักรักษาตัวอีกด้วย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากจบภารกิจ ผู้บัญชาการทหารบกได้เดินทางกลับ ก่อนที่จะเกิดเหตุระเบิดโรงพักบันนังสตา โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต 1 ราย.

ประกาศภาวะฉุกเฉินระดับ 2 สั่งอพยพคนออกนอกพื้นที่

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) สั่งการให้สำนักงานท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด (สทร.) และสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด (สนพ.)จังหวัดระยอง อพยพ