ศาลกัมพูชาตั้งข้อหากบฏผู้นำฝ่ายค้าน โทษจำคุก 27 ปี

แกม สุขะ ผู้นำฝ่ายค้านของกัมพูชา ถูกศาลตัดสินจำคุก 27 ปีในข้อหากบฏ ซึ่งทำให้เขาหมดสิทธิ์ลงเลือกตั้งในปีนี้ ด้านสหรัฐฯแถลงประณามว่าเป็น 'ความยุติธรรมที่บิดเบี้ยว'

แกม สุขะ ผู้นำฝ่ายค้านของกัมพูชา (Photo by TANG CHHIN Sothy / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันศุกร์ที่ 3 มีนาคม 2566 กล่าวว่า ศาลพิพากษาตัดสินจำคุก แกม สุขะ ผู้นำฝ่ายค้านของกัมพูชา เป็นเวลา 27 ปี ในข้อหากบฏ โดยถูกกล่าวหาว่าสมรู้ร่วมคิดวางแผนลับกับหน่วยงานต่างประเทศเพื่อโค่นล้มรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีฮุน เซน

แกม สุขะ วัย 69 ปี เป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรคกู้ชาติกัมพูชา (ซีเอ็นอาร์พี) ซึ่งปัจจุบันถูกยุบไปแล้ว และเป็นศัตรูคนสำคัญของฮุน เซน มาอย่างยาวนาน ซึ่งนักวิจารณ์ระบุว่าผู้นำกัมพูชาได้ทำลายเสรีภาพประชาธิปไตยและใช้กระบวนการทางศาลเพื่อรังแกฝ่ายตรงข้าม

แกม สุขะ ถูกตั้งข้อหาดังกล่าวตั้งแต่ปี 2560 แม้จะยืนกรานปฏิเสธมาโดยตลอด ซึ่งกลุ่มสิทธิมนุษยชนกล่าวว่าคำตัดสินของศาลมีการสมรู้ร่วมคิดกับฮุนเซน เพื่อกำจัดแกม สุขะ ออกจากการเมืองของประเทศก่อนการเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคม

ทันทีที่คำตัดสินของศาลพนมเปญถูกประกาศ แกม สุขะก็ถูกนำไปกักบริเวณในบ้านพักภายใต้การควบคุมของตำรวจ และห้ามพบปะกับชาวต่างชาติรวมทั้งใครก็ตามที่ไม่ใช่สมาชิกในครอบครัว โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาล

ดับเบิลยู แพทริค เมอร์ฟี เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำกัมพูชา ซึ่งอยู่ที่ศาลระหว่างการพิจารณาคดี ได้ตำหนิคำตัดสินโทษจำคุก 27 ปี ว่าเป็นการบิดเบือนความยุติธรรม

"สหรัฐฯ รู้สึกกังวลเป็นอย่างยิ่งต่อคำตัดสินในคดีของแถม สุขะ ซึ่งเป็นผู้นำทางการเมืองที่น่าเคารพ" เมอร์ฟีกล่าวกับผู้สื่อข่าว

เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้มีโอกาสพบกับแกม สุขะระหว่างการเยือนกรุงพนมเปญ หลังจากนั้นเขาได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับระบอบประชาธิปไตยที่ย่ำแย่ในการพูดคุยกับฮุน เซน

ด้านหน่วยงานอิสระอย่างฮิวแมนไรท์วอทช์ กล่าวแสดงความเห็นว่า "คำตัดสินของศาลพนมเปญเป็นการหยิบยื่นชัยชนะให้กับเผด็จการในกัมพูชา และแสดงให้เห็นว่าประชาธิปไตยของประเทศนี้กำลังถึงจุดต่ำสุด"

ขณะที่แกม สุขะถูกนำตัวออกจากศาล เขายิ้มและทักทายนักการทูตที่มาร่วมฟังการตัดสิน โดยเขามีเวลา 1 เดือนในการอุทธรณ์คำตัดสินและโทษจำคุก

นอกจากโทษจำคุกแล้ว ศาลยังตัดสิทธิ์การลงคะแนนเสียงและห้ามไม่ให้เขาลงสมัครรับตำแหน่งทางการเมืองอีกด้วย.