WHOเตือนอย่าวางใจ วัคซีนลดแพร่เชื้อโควิดได้แค่ 40%

ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกเตือนว่า ผู้คนในโลกกำลังมีความรับรู้เรื่องความปลอดภัยแบบผิดๆ เกี่ยวกับการปกป้องจากวัคซีนโควิด-19 เผยการแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดลตาทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนในการป้องกันการแพร่เชื้อลดเหลือ 40% พร้อมกับชี้ว่ายุโรปกลับมาเป็นศูนย์กลางการระบาดอีกแล้ว

เอเอฟพีรายงานเมื่อวันพุธที่ 24 พฤศจิกายน 2564 ว่า ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) กล่าวเตือนในวันเดียวกันว่า ผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วควรต้องปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อโควิด-19 และแพร่เชื้อนี้ต่อไปอีก

"เรากังวลเกี่ยวกับความรับรู้ผิดๆ เรื่องความปลอดภัย ว่าวัคซีนได้ยุติการแพร่ระบาดแล้ว และผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการป้องกันใดๆ อีก" ทีโดรสกล่าวกับผู้สื่อข่าวที่นครเจนีวา โดยชี้ว่า วัคซีนช่วยชีวิต แต่ไม่ได้ป้องกันการแพร่เชื้อได้อย่างเต็มที่ "ข้อมูลบ่งชี้ว่า ก่อนจะมีสายพันธุ์เดลตา วัคซีนลดการแพร่เชื้อได้ประมาณ 60% กับเดลตา อัตราลดลงเหลือประมาณ 40%"

รายงานด้านระบาดวิทยาประจำสัปดาห์ของดับเบิลยูเอชโอชี้ว่า ขณะนี้เดลตาเป็นสายพันธุ์ที่พบระบาดมากกว่าสายพันธุ์อื่นและสายพันธุ์ดั้งเดิมมาก โดยข้อมูลตัวอย่าง 845,000 ตัวอย่างที่ได้รับในช่วง 60 วันที่ผ่านมา พบว่าเป็นสายพันธุ์เดลตาถึง 99.8%

"หากคุณได้รับวัคซีนแล้ว คุณมีความเสี่ยงต่ำมากต่อโรคระดับรุนแรงและการเสียชีวิต แต่คุณยังมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อและแพร่เชื้อสู่คนอื่น" ทีโดรสกล่าว และว่า เหตุนี้แม้จะฉีดวัคซีนแล้วก็ยังต้องระมัดระวังเพื่อป้องกันการติดเชื้อและแพร่เชื้อติดคนอื่นที่อาจทำให้ผู้นั้นเสียชีวิตได้

เขาชี้ด้วยว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา รายงานผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโควิด-19 ในยุโรปมีมากกว่าร้อยละ 60 ของทั้งโลก ซึ่งทำให้ยุโรปกลับมาเป็นศูนย์กลางของโรคระบาดนี้อีกครั้ง

ยุโรปกำลังเข้าสู่หน้าหนาวและผู้คนกลับมารวมตัวกันภายในอาคารมากขึ้นก่อนถึงเทศกาลคริสต์ สถานการณ์ ซึ่งเป็นแหล่งเพาะเชื้ออย่างดีของโควิด-19 หลายประเทศพบว่า จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มสูงขึ้นอย่างพรวดพราด โดยในวันพุธ รอยเตอร์รายงานว่า สโลวาเกีย, สาธารณรัฐเช็ก และฮังการีรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสรายใหม่มากเป็นสถิติของประเทศ

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อแห่งยุโรป (อีซีดีซี) มีคำแนะนำใหม่ในวันเดียวกันว่า ควรฉีดวัคซีนโดสกระตุ้นแก่ผู้ใหญ่ทุกคน โดยให้ความสำคัญกับผู้ที่อายุเกิน 40 ปีก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแนวทางปฏิบัติก่อนหน้านี้ ที่อีซีดีซีแนะให้พิจารณาฉีดบูสเตอร์แก่ผู้สูงอายุที่สุขภาพอ่อนแอและผู้ที่ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘หมอยง’ สะท้อนความรู้สึกโควิด-19 ปีที่ 2 'ยุ่งเหยิง-ดราม่าวัคซีน-เซียนคีย์บอร์ด'

หลังการระบาดใหญ่ทั่วโลก ในปีแรก ทุกคนมุ่งหวัง ที่จะยุติการระบาดด้วยวัคซีน จึงมีการผลิตคิดค้นวัคซีนกันมากมาย มากกว่า 10 platform