ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ เดินหน้าเป็นพันธมิตรแน่นแฟ้นในเอเชียแปซิฟิก หลังจับมือเห็นพ้องเพิ่มศักยภาพทางทหารให้ญี่ปุ่น
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ (ขวา) หารือร่วมกับนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ในห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาว กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในการมาเยือนอย่างเป็นทางการครั้งแรกของผู้นำญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 13 มกราคม (Photo by Mandel NGAN / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันเสาร์ที่ 14 มกราคม 2566 กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่น เดินทางเยือนทำเนียบขาวอย่างเป็นทางการ โดยมีประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ให้การต้อนรับ
สองผู้นำได้ร่วมพูดคุยกันในห้องทำงานรูปไข่ ก่อนออกมาแถลงข่าวกับสื่อมวลชน
โจ ไบเดนกล่าวว่า "ค่านิยมประชาธิปไตยที่สองชาติมีร่วมกัน คือปฐมภูมิแห่งความแข็งแกร่งและความเป็นพันธมิตรของพวกเรา สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นได้หารือเรื่องการปรับปรุงความร่วมมือทางทหารให้ทันสมัย อีกทั้งร่วมยินดีกับงบประมาณด้านกลาโหมที่เพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ของญี่ปุ่น เพื่อดำรงไว้ซึ่งยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติ"
"ผมขอชี้แจงอย่างชัดเจนว่า สหรัฐฯ มีความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่, ทั่วถึง และสมบูรณ์ต่อพันธมิตร และที่สำคัญกว่านั้นคือการป้องกันของญี่ปุ่น" ไบเดนกล่าว
เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา รัฐบาลญี่ปุ่นอนุมัติการยกเครื่องนโยบายกลาโหมครั้งใหญ่ รวมถึงการทุ่มงบประมาณเพิ่มเติมจำนวนมากคิดเป็นมูลค่า 2% ของจีดีพี ภายในปี 2570 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการทหารในการรับมือกับอิทธิพลของจีนและอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ
ฟูมิโอะ คิชิดะกล่าวว่า "ปัจจุบัน ญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกากำลังเผชิญกับสภาพแวดล้อมด้านความปลอดภัยที่ท้าทายและซับซ้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา และศักยภาพทางทหารครั้งใหม่จะช่วยรับประกันสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค โดยญี่ปุ่นตัดสินใจเสริมศักยภาพด้านการป้องกันพื้นฐาน รวมถึงความสามารถในการโจมตีตอบโต้"
ทั้งนี้ญี่ปุ่นจะทำหน้าที่ประธานของกลุ่ม จี7 ในปี 2566 และคิชิดะเริ่มออกเดินทางต่างประเทศในภารกิจเยี่ยมเยือนชาติสมาชิกอย่างฝรั่งเศส, อิตาลี, แคนาดา, อังกฤษ และสหรัฐอเมริกาตลอดเดือนมกราคม.
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันเสาร์ที่ 14 มกราคม 2566 กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่น เดินทางเยือนทำเนียบขาวอย่างเป็นทางการ โดยมีประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ให้การต้อนรับ
สองผู้นำได้ร่วมพูดคุยกันในห้องทำงานรูปไข่ ก่อนออกมาแถลงข่าวกับสื่อมวลชน
โจ ไบเดนกล่าวว่า "ค่านิยมประชาธิปไตยที่สองชาติมีร่วมกัน คือปฐมภูมิแห่งความแข็งแกร่งและความเป็นพันธมิตรของพวกเรา สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นได้หารือเรื่องการปรับปรุงความร่วมมือทางทหารให้ทันสมัย อีกทั้งร่วมยินดีกับงบประมาณด้านกลาโหมที่เพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ของญี่ปุ่น เพื่อดำรงไว้ซึ่งยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติ"
"ผมขอชี้แจงอย่างชัดเจนว่า สหรัฐฯ มีความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่, ทั่วถึง และสมบูรณ์ต่อพันธมิตร และที่สำคัญกว่านั้นคือการป้องกันของญี่ปุ่น" ไบเดนกล่าว
เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา รัฐบาลญี่ปุ่นอนุมัติการยกเครื่องนโยบายกลาโหมครั้งใหญ่ รวมถึงการทุ่มงบประมาณเพิ่มเติมจำนวนมากคิดเป็นมูลค่า 2% ของจีดีพี ภายในปี 2570 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการทหารในการรับมือกับอิทธิพลของจีนและอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ
ฟูมิโอะ คิชิดะกล่าวว่า "ปัจจุบัน ญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกากำลังเผชิญกับสภาพแวดล้อมด้านความปลอดภัยที่ท้าทายและซับซ้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา และศักยภาพทางทหารครั้งใหม่จะช่วยรับประกันสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค โดยญี่ปุ่นตัดสินใจเสริมศักยภาพด้านการป้องกันพื้นฐาน รวมถึงความสามารถในการโจมตีตอบโต้"
ทั้งนี้ญี่ปุ่นจะทำหน้าที่ประธานของกลุ่ม จี7 ในปี 2566 และคิชิดะเริ่มออกเดินทางต่างประเทศในภารกิจเยี่ยมเยือนชาติสมาชิกอย่างฝรั่งเศส, อิตาลี, แคนาดา, อังกฤษ และสหรัฐอเมริกาตลอดเดือนมกราคม.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โจ ไบเดน เลื่อนการเดินทางเยือนเยอรมนี เหตุเพราะพายุเฮอร์ริเคน ‘มิลตัน’
เดิมทีมีแผนจะหารือเกี่ยวกับยูเครนและตะวันออกกลาง ทว่าพายุเฮอร์ริเคนเข้ามาขวางทางเสียก่อน เป็นเหตุให้ประธ