หยุดยิงไม่มีจริง ยูเครนตะวันออกโดนโจมตี แม้ปูตินสั่งหยุด

มีการระดมยิงกระสุนปืนใหญ่โจมตีเมืองต่างๆ ในภาคตะวันออกของยูเครนเมื่อวันศุกร์ แม้ว่าผู้นำรัสเซียออกคำสั่งให้กองกำลังหยุดการโจมตีเป็นเวลา 36 ชั่วโมงเนื่องในวันคริสต์มาสออร์โธดอกซ์

ชายชาวยูเครนจูงจักรยานผ่านซากปรักหักพังจากการโจมตีของกองกำลังรัสเซียในเมืองบาคมุท ภูมิภาคโดเนตสก์ เมื่อวันที่ 6 มกราคม (Photo by Dimitar DILKOFF / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันเสาร์ที่ 7 มกราคม 2566 กล่าวว่า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ประกาศหยุดยิงชั่วคราวในยูเครนช่วงก่อนวันคริสต์มาสออร์โธดอกซ์ ตามคำขอจากพระสังฆราชคิริลล์ ผู้นำทางจิตวิญญาณของรัสเซีย โดยมีกำหนดหยุดยิงในยูเครนตั้งแต่เวลา 12.00 น. ของวันที่ 6 มกราคม ถึงเวลา 24.00 น. ของวันที่ 7 มกราคม 2566

การหยุดยิงตามประกาศดังกล่าวควรจะเริ่มต้นในเวลา 12.00 น. ของวันศุกร์ และจะเป็นการหยุดยิงเต็มรูปแบบครั้งแรกนับตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ 2565

แต่ในความเป็นจริง นักข่าวเอเอฟพียังคงได้ยินเสียงการระดมยิงในเมืองคูราโคฟ, บาคมุท และครามาทอสค์ ทางตะวันออกของยูเครน หลังเวลาที่รัสเซียควรจะเริ่มหยุดยิง โดยการโจมตีทำให้อาคารที่พักอาศัยและสถานพยาบาลได้รับความเสียหาย

นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า กองกำลังรัสเซียได้โจมตีสถานีดับเพลิงในเคอร์ซอน จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายคน

กระทรวงกลาโหมของรัสเซียออกมาชี้แจงว่า กองกำลังรัสเซียทำการหยุดยิงตามที่ประกาศไว้ แต่เป็นฝ่ายยูเครนต่างหากที่ยังคงระดมยิงอย่างต่อเนื่อง

กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯออกมาระบุทันทีว่า การโจมตีของรัสเซียพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ประกาศหยุดยิงนั้นเป็นเพียงอุบายในสงคราม ขณะที่กระทรวงต่างประเทศฝรั่งเศสระบุว่า การใช้อุบายของรัสเซียเป็นวิธีที่อำมหิต

ขณะเดียวกันในวันศุกร์ สหรัฐฯ ได้ประกาศชุดความช่วยเหลือครั้งใหม่มูลค่ากว่า 3,000 ล้านดอลลาร์ให้แก่ยูเครน ซึ่งรวมถึงรถแบรดลีย์ 50 คันและรถหุ้มเกราะอื่นๆ อีกหลายสิบคัน ตลอดจนชิ้นส่วนปืนใหญ่และเครื่องกระสุน โดยนับตั้งแต่รัสเซียรุกรานยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว สหรัฐฯได้ให้ความช่วยเหลือแก่ยูเครนไปแล้วทั้งหมดมูลค่ากว่า 24,200 ล้านดอลลาร์.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'โดนัลด์ ทรัมป์' อาจเคยแอบส่งชุดตรวจไวรัสโคโรนาให้กับ 'วลาดิมีร์ ปูติน'

หนังสือเล่มใหม่เผยให้เห็นการติดต่อระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์กับเครมลิน ดังนั้นเขาอาจยังรักษาความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับวลา