นาซาปล่อยดาวเทียมสำรวจแหล่งน้ำเกือบทั้งหมดบนโลก เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญเกี่ยวกับอิทธิพลหรือผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ดาวเทียม Surface Water and Ocean Topography (SWOT) ที่ติดตั้งอยู่บนจรวด SpaceX Falcon 9 เตรียมพร้อมปล่อยตัวสู่อวกาศในภารกิจสำรวจและเก็บข้อมูลแหล่งน้ำสำคัญทั้งหมดบนโลก ภายใต้โครงการความร่วมมือขององค์การนาซา (NASA) ของสหรัฐอเมริกา และหน่วยงานด้านอวกาศ (CNES) ของฝรั่งเศส ที่ฐานทัพอวกาศแวนเดนเบิร์กในแคลิฟอร์เนีย เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม (Photo by Patrick T. Fallon / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม 2565 กล่าวว่า องค์การนาซา (NASA) ทำการปล่อยดาวเทียมจากฐานปฏิบัติการเมื่อวันศุกร์ เพื่อใช้ในภารกิจสำรวจแหล่งน้ำสำคัญทั่วทั้งหมดบนโลก
ดาวเทียม Surface Water and Ocean Topography (SWOT) ซึ่งเป็นโครงการมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ที่พัฒนาร่วมกันโดยองค์การนาซาและหน่วยงานอวกาศ CNES ของฝรั่งเศส ถูกปล่อยออกจากฐานทัพอวกาศแวนเดนเบิร์กในแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อเวลา 11.46 น. ตามเวลาท้องถิ่น
ตามคำแถลงของนาซา ดาวเทียมดังกล่าวจะเริ่มเก็บรวบรวมข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ในอีกประมาณ 6 เดือนหลังจากนี้ เพื่อนำมาทำการตรวจสอบและประเมินผลเชิงลึกที่สำคัญเกี่ยวกับอิทธิพลหรือผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
คาเรน แซ็ง แชแม็ง ผู้อำนวยการแผนกวิทยาศาสตร์โลกของนาซา กล่าวว่า "SWOT จะนำความก้าวหน้าครั้งสำคัญมาสู่เรา ในการทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของน้ำรอบโลก"
"เราจะสามารถดูรายละเอียดเกี่ยวกับกระแสน้ำวนและการหมุนเวียนของน้ำในมหาสมุทรที่เราไม่เคยมองเห็นมาก่อน"
เธอกล่าวว่าสิ่งนี้จะช่วยคาดการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ที่มีน้ำมากเกินไป และจัดการน้ำในพื้นที่ที่มีแนวโน้มจะเกิดภัยแล้ง
เซลมา เชอชาลี จาก CNES หน่วยงานอวกาศของฝรั่งเศส กล่าวในการแถลงข่าวว่า ดาวเทียม SWOT เป็นตัวแทนของการปฏิวัติด้านอุทกวิทยา โดยมีเป้าหมายที่จะให้การสังเกตการณ์ในระดับละเอียดมากกว่าเทคโนโลยีปัจจุบันถึง 10 เท่า
จากความสูงเหนือระดับพื้นดินกว่า 890 กิโลเมตร SWOT จะช่วยมอบมุมมองที่ชัดเจนที่สุดของมหาสมุทรทั้งหมดบนโลก ทำให้สามารถติดตามการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล รวมถึงแม่น้ำและทะเลสาบได้
ดาวเทียมจะสามารถวัดความสูงของน้ำในแหล่งน้ำจืดและมหาสมุทรบนพื้นผิวโลกได้มากกว่า 90% และจะติดตามเก็บข้อมูลทั้งหมดอย่างน้อย 1 ครั้งในทุกๆ 21 วัน
นักวิจัยจะสามารถรับข้อมูลเกี่ยวกับทะเลสาบหลายล้านแห่ง แทนที่จะเป็นเพียงไม่กี่พันแห่งที่มองเห็นได้จากอวกาศในปัจจุบัน
ปัจจุบันนาซากำลังดำเนินภารกิจอวกาศประมาณ 25 ภารกิจในการสังเกตการณ์โลก และ SWOT จะเป็นเหมือนแว่นตาที่สามารถทำให้เห็นภาพทุกอย่างชัดเจนยิ่งขี้น
ดาวเทียมจะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศได้ดีขึ้น รวมถึงปัจจัยต่างๆ เช่น ปริมาณความร้อนและคาร์บอนไดออกไซด์ที่มหาสมุทรสามารถดูดซับได้
"เราทราบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศว่าวัฏจักรของน้ำในโลกกำลังเปลี่ยนแปลงมากขึ้น สิ่งนี้หมายความว่าสถานที่บางแห่งอาจมีปริมาณน้ำมากเกินไป ขณะที่บางแห่งอาจจะมีไม่เพียงพอ ปัจจุบันเราเห็นความแห้งแล้งที่รุนแรงมากขึ้น น้ำท่วมรุนแรงมากขึ้น ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญมากที่เราจะต้องพยายามทำความเข้าใจให้แน่ชัดว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับแหล่งน้ำบนโลกใบนี้" เบนจามิน แฮมลิงตัน นักวิทยาศาสตร์ด้านการวิจัยของนาซากล่าว
เธียรี ลาฟอง หัวหน้าโครงการ SWOT ของ CNES กล่าวว่า ภารกิจนี้มีระยะเวลาดำเนินการ 3 ปีครึ่ง แต่อาจขยายไปถึง 5 ปีหรือมากกว่านั้น
เทคโนโลยีที่ก้าวล้ำและเป็นหัวใจของภารกิจดาวเทียมนี้เรียกว่า KaRin ซึ่งเป็นเรดาร์อินเตอร์เฟอโรมิเตอร์แบบ Ka-band ที่ CNES คาดหวังให้เป็น "เรือธงสำหรับเครื่องวัดความสูงรุ่นใหม่ในอวกาศ"
เรดาร์ดังกล่าวจะส่งสัญญาณที่สะท้อนกลับจากผิวน้ำ โดยเสียงสะท้อนนี้จะรับได้ด้วยเสาอากาศ 2 เสา ซึ่งจะทำให้ได้ชุดข้อมูล 2 ชุดที่ให้ความแม่นยำสูงสำหรับการตรวจจับน้ำด้วยความละเอียด
หน่วยงานด้านอวกาศของสหรัฐฯ และฝรั่งเศสทำงานภาคสนามร่วมกันมากว่า 30 ปี โดยดาวเทียมรุ่นก่อนหน้านี้ ช่วยเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับการไหลเวียนของน้ำในมหาสมุทรและผลกระทบที่มีต่อสภาพอากาศโลก และยังช่วยในการพยากรณ์ปรากฏการณ์สภาพอากาศเอลนีโญ เมื่อช่วงปี พ.ศ. 2540-2541 อีกด้วย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายกฯ พบค่ายหนังยักษ์มะกันหวังดันไทยเป็นฮับถ่ายทำภาพยนตร์
นายกฯ พบค่ายหนังยักษ์ใหญ่สหรัฐฯ ดันไทยเป็นฮับถ่ายทำภาพยนตร์ โชว์ซอฟพาวเวอร์ทำรายได้เข้าประเทศ
จับตา ‘อุ๊งอิ๊ง’! โชว์วิสัยทัศน์ เวทีผู้นำเอเปก
จับตา "นายกฯ อิ๊งค์" โกอินเตอร์! บินลัดฟ้าสหรัฐ ไม่ได้พบตัวแทนทำเนียบขาว แต่ไปเจอทีมไทยแลนด์ มอบนโยบายขับเคลื่อนความร่วมมือในภูมิภาคอเมริกา
นายกฯอิ๊งค์ เตรียมบินไปสหรัฐ ร่วมประชุมเอเปก
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเดินทางเยือนนครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา และร่วมการประชุมผู้นำประเทศ