ไบเดนลงนามกฎหมายคุ้มครองการแต่งงานของเพศเดียวกัน

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ได้ลงนามในร่างกฎหมายที่ให้ความคุ้มครองการแต่งงานเพศเดียวกันของรัฐบาลกลาง โดยมีแขกจำนวนมากมารวมตัวกันที่ทำเนียบขาวเพื่อเฉลิมฉลองเหตุการณ์สำคัญทางกฎหมาย

ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ และสักขีพยานคนอื่นๆ ร่วมส่งเสียงเฮในพิธีลงนามกฎหมายเคารพการแต่งงานเพศเดียวกัน ที่สนามหญ้าทางใต้ของทำเนียบขาว ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม (Photo by Brendan Smialowski / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพุธที่ 14 ธันวาคม 2565 กล่าวว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐอเมริกา เปิดทำเนียบขาวเมื่อวันอังคาร พร้อมเชิญแขกจำนวนมากมาร่วมเป็นสักขีพยานและเฉลิมฉลอง ในโอกาสที่เขาลงนามอนุมัติกฎหมายคุ้มครองการแต่งงานของเพศเดียวกันอย่างเป็นทางการ

ไบเดนแสดงจุดยืนต่อสาธารณชนในการสนับสนุนการอยู่ร่วมกันระหว่างเพศเดียวกันมาตลอด ก่อนที่กฎหมายดังกล่าวจะกลายเป็นกฎหมายที่บังคับใช้ทั่วสหรัฐฯ ในปี 2558

"อเมริกากำลังก้าวสู่ความเท่าเทียม เพื่อเสรีภาพและความยุติธรรม ไม่ใช่แค่สำหรับบางคน แต่สำหรับทุกคน" เขากล่าวระหว่างพิธีลงนาม พร้อมยกย่องกฎหมายฉบับนี้ว่าเป็นชัยชนะด้านสิทธิมนุษยชน

หลังจากศาลฎีกาของสหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบันมีแนวคิดอนุรักษนิยมมากขึ้น คว่ำสิทธิการทำแท้งที่มีมาอย่างยาวนานเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สมาชิกสภานิติบัญญัติจากฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวาได้รวมตัวกันเพื่อป้องกันไม่ให้มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ที่ตามมาเพื่อจำกัดสิทธิการแต่งงานของเพศเดียวกัน

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สภาคองเกรสสหรัฐได้ลงมติผ่ายกฎหมายหลักเพื่อปกป้องการแต่งงานเพศเดียวกันภายใต้กฎหมายของรัฐบาลกลาง ซึ่งการยอมรับขั้นสุดท้ายของกฎหมายฉบับนี้ถือเป็นความร่วมมือจากเดโมแครตและรีพับลิกันที่หาได้ยากในการเมืองสหรัฐฯ ที่แบ่งแยกอุดมการณ์กันอย่างชัดเจน

ในการเฉลิมฉลอง ไบเดนได้รวมตัวกับกลุ่มส.ส.พรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตในบริเวณทำเนียบขาว พร้อมด้วยผู้สนับสนุนและโจทก์ในคดีความเท่าเทียมในการแต่งงานทั่วประเทศ

การยอมรับของสาธารณชนเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา โดยการสำรวจในขณะนี้แสดงให้เห็นว่าชาวอเมริกันส่วนใหญ่สนับสนุนการแต่งงานของเพศเดียวกัน แต่กลุ่มอนุรักษนิยมและหน่วยงานทางศาสนาบางส่วนยังคงคัดค้าน

กฎหมายใหม่ที่เรียกว่า 'Respect for Marriage Act' ไม่ได้กำหนดให้รัฐต้องออกกฎหมายให้การแต่งงานของเพศเดียวกันถูกต้องตามกฎหมาย แต่กำหนดให้พวกเขายอมรับการแต่งงานตราบเท่าที่มันถูกต้องในรัฐที่มีการดำเนินการ พร้อมทั้งยกเลิกกฎหมายก่อนหน้านี้ที่กำหนดให้การแต่งงานเป็นการอยู่ร่วมกันระหว่างชายและหญิง(เท่านั้น) และยังปกป้องคู่รักต่างเชื้อชาติด้วยการกำหนดให้รัฐยอมรับการแต่งงานตามกฎหมายโดยไม่คำนึงถึงเพศ, เชื้อชาติ, ชาติพันธุ์ หรือชาติกำเนิด.

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพุธที่ 14 ธันวาคม 2565 กล่าวว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐอเมริกา เปิดทำเนียบขาวเมื่อวันอังคาร พร้อมเชิญแขกจำนวนมากมาร่วมเป็นสักขีพยานและเฉลิมฉลอง ในโอกาสที่เขาลงนามอนุมัติกฎหมายคุ้มครองการแต่งงานของเพศเดียวกันอย่างเป็นทางการ

ไบเดนแสดงจุดยืนต่อสาธารณชนในการสนับสนุนการอยู่ร่วมกันระหว่างเพศเดียวกันมาตลอด ก่อนที่กฎหมายดังกล่าวจะกลายเป็นกฎหมายที่บังคับใช้ทั่วสหรัฐฯ ในปี 2558

"อเมริกากำลังก้าวสู่ความเท่าเทียม เพื่อเสรีภาพและความยุติธรรม ไม่ใช่แค่สำหรับบางคน แต่สำหรับทุกคน" เขากล่าวระหว่างพิธีลงนาม พร้อมยกย่องกฎหมายฉบับนี้ว่าเป็นชัยชนะด้านสิทธิมนุษยชน

หลังจากศาลฎีกาของสหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบันมีแนวคิดอนุรักษนิยมมากขึ้น คว่ำสิทธิการทำแท้งที่มีมาอย่างยาวนานเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สมาชิกสภานิติบัญญัติจากฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวาได้รวมตัวกันเพื่อป้องกันไม่ให้มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ที่ตามมาเพื่อจำกัดสิทธิการแต่งงานของเพศเดียวกัน

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สภาคองเกรสสหรัฐได้ลงมติผ่ายกฎหมายหลักเพื่อปกป้องการแต่งงานเพศเดียวกันภายใต้กฎหมายของรัฐบาลกลาง ซึ่งการยอมรับขั้นสุดท้ายของกฎหมายฉบับนี้ถือเป็นความร่วมมือจากเดโมแครตและรีพับลิกันที่หาได้ยากในการเมืองสหรัฐฯ ที่แบ่งแยกอุดมการณ์กันอย่างชัดเจน

ในการเฉลิมฉลอง ไบเดนได้รวมตัวกับกลุ่มส.ส.พรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตในบริเวณทำเนียบขาว พร้อมด้วยผู้สนับสนุนและโจทก์ในคดีความเท่าเทียมในการแต่งงานทั่วประเทศ

การยอมรับของสาธารณชนเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา โดยการสำรวจในขณะนี้แสดงให้เห็นว่าชาวอเมริกันส่วนใหญ่สนับสนุนการแต่งงานของเพศเดียวกัน แต่กลุ่มอนุรักษนิยมและหน่วยงานทางศาสนาบางส่วนยังคงคัดค้าน

กฎหมายใหม่ที่เรียกว่า 'Respect for Marriage Act' ไม่ได้กำหนดให้รัฐต้องออกกฎหมายให้การแต่งงานของเพศเดียวกันถูกต้องตามกฎหมาย แต่กำหนดให้พวกเขายอมรับการแต่งงานตราบเท่าที่มันถูกต้องในรัฐที่มีการดำเนินการ พร้อมทั้งยกเลิกกฎหมายก่อนหน้านี้ที่กำหนดให้การแต่งงานเป็นการอยู่ร่วมกันระหว่างชายและหญิง(เท่านั้น) และยังปกป้องคู่รักต่างเชื้อชาติด้วยการกำหนดให้รัฐยอมรับการแต่งงานตามกฎหมายโดยไม่คำนึงถึงเพศ, เชื้อชาติ, ชาติพันธุ์ หรือชาติกำเนิด.

เพิ่มเพื่อน