จีนประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะผ่อนคลายมาตรการโควิดที่เข้มงวดทั่วประเทศ อันเป็นเหตุแห่งความถดถอยทางเศรษฐกิจ ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกมายาวนาน และจุดชนวนการประท้วงของประชาชนบ่อยครั้งในช่วงหลัง
(Photo by CNS / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพุธที่ 7 ธันวาคม 2565 กล่าวว่า ทางการจีนเตรียมผ่อนคลายมาตรการโควิดอันเข้มงวดภายใต้นโยบายปลอดโควิดที่บังคับใช้ทั่วประเทศซึ่งมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก มายาวนาน
นโยบายปลอดโควิดหรือโควิดเป็นศูนย์ถือเป็นนโยบายอันเป็นเอกลักษณ์ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน มาตลอดระยะเวลา 3 ปีหลังการระบาดใหญ่ของไวรัสโคโรนา และยังคงใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน แม้ทั่วโลกจะปรับตัวเรียนรู้ที่จะอยู่กับไวรัสดังกล่าวเกือบทุกพื้นที่แล้ว
การปรับเปลี่ยนล่าสุดภายใต้หลักเกณฑ์ใหม่ที่ประกาศโดยคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ความถี่และขอบเขตของการทดสอบหาเชื้อ จะลดลง
การล็อกดาวน์ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของความโกรธเกรี้ยวของสาธารณชน จะถูกจำกัดขอบเขตให้ส่งผลกระทบน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และทางการจะจำกัดการล็อกดาวน์สูงสุดไม่เกิน 5 วัน
ผู้ติดเชื้อโควิดที่มีอาการไม่รุนแรงสามารถแยกตัวอยู่ที่บ้านแทนสถานที่ราชการส่วนกลาง และประชาชนจะไม่ต้องแสดงรหัสสุขภาพสีเขียวบนโทรศัพท์เพื่อเข้าไปในอาคารและพื้นที่สาธารณะอีกต่อไป ยกเว้นสถานพยาบาล, สถาบันการแพทย์, โรงเรียนอนุบาล, โรงเรียนมัธยมต้นและมัธยมปลาย อีกทั้งทางการจีนจะเร่งฉีดวัคซีนให้แก่ผู้สูงอายุอีกด้วย
แม้มาตรการโควิดที่เข้มงวดจะถูกนำมาอวดอ้างโดยรัฐบาลจีนว่าเป็นชัยชนะของการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ที่ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตต่ำเมื่อเทียบกับประเทศประชาธิปไตยอย่างสหรัฐอเมริกา แต่ประชาชนเริ่มหมดความอดทนในทางปฏิบัติและออกมาประท้วงบ่อยครั้งในระยะหลัง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยพบบ่อยนัก เพื่อต่อต้านมาตรการโควิดไม่รู้จบของสีจิ้นผิง
การประท้วงขยายขอบเขตไปสู่การเรียกร้องให้มีเสรีภาพทางการเมืองมากขึ้น โดยบางคนถึงกับเรียกร้องให้สีจิ้นผิงลาออก ซึ่งกลายเป็นการต่อต้านการปกครองของคอมมิวนิสต์อย่างกว้างขวางที่สุดนับตั้งแต่การจลาจลเพื่อประชาธิปไตยในปี 2532 ที่จบลงด้วยการปรามปรามโดยทหาร
คาดว่าการที่รัฐบาลจีนยอมถอยไม่เพียงเพราะการประท้วงของประชาชน แต่อาจหวังผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมวลรวมของประเทศด้วยเช่นกัน เห็นได้จากสัญญาณบวกจากหลายฝ่ายทันทีที่มีการประกาศผ่อนคลายมาตรการโควิดทั่วประเทศในวันพุธ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ปานปรีย์' แจงปมกักตัวชาวอุยกูร์ 40 คน ยังอยู่ในขั้นตอนกฎหมาย ไม่เกี่ยวเกรงกลัวจีน
นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีชาวอุยกูร์ที่ยังอยู่ในสถานกักกันกว่า 40 คน ว่า การเข้าเมืองแบบผิดกฎหมายก็ดำเนินการตามกฎหมายของไทย เข้าใจว่าขั้นตอนนี้ยังอยู่ในกระบวนการของกฎหมาย