ศพของผู้ต้องขัง 70 รายจากเรือนจำที่ใหญ่ที่สุดของฟิลิปปินส์ถูกนำไปประกอบพิธีฝังศพหมู่ หลังจากถูกค้นพบอย่างบังเอิญในโรงเก็บศพกลาง
หลุมฝังศพของผู้ต้องขังจำนวน 70 รายที่ได้รับการประกอบพิธีฝังศพหมู่ที่สุสานของเรือนจำนิวบิลิบิด ในกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม (Photo by JAM STA ROSA / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันศุกร์ที่ 2 ธันวาคม 2565 กล่าวว่า เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ฟิลิปปินส์ทำพิธีฝังศพหมู่กว่า 70 ศพ ซึ่งถูกค้นพบโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างบังเอิญในโรงเก็บศพกลางของราชทัณฑ์ในกรุงมะนิลาระหว่างการสืบสวนการตายของนักโทษคนหนึ่ง ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการสังหารนักข่าวเมื่อต้นเดือนตุลาคม
เซซิเลีย วิลลานูเอวา รักษาการผู้อำนวยการฝ่ายบริการสุขภาพและสวัสดิการของกรมราชทัณฑ์กล่าวว่า ศพของผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดจากการตายตามธรรมชาติและส่วนใหญ่มีสัญชาติญี่ปุ่น
วิลลานูเอวากล่าวว่า ศพที่พบส่วนใหญ่เริ่มเน่าเปื่อยและไม่สามารถทำการชันสูตรใหม่ได้อีก
โรงเก็บศพของราชทัณฑ์เป็นสถานที่พักศพชั่วคราวของผู้ต้องขังที่เสียชีวิตในเรือนจำ เพื่อรอญาติมารับศพไปประกอบพิธีฝังทางศาสนาต่อไป แต่คาดว่าศพผู้ต้องขังเหล่านี้มากองรวมกันในโรงเก็บศพโดยไม่มีญาติมารับไป ซึ่งคาดว่าสะสมปริมาณไว้ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว และสาเหตุที่ญาติและครอบครัวไม่ต้องการศพ เพราะฐานะยากจน
วิลลานูเอวาตำหนิความล้มเหลวของเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ในการจัดการเรื่องการฝังศพอย่างทันท่วงที และการปล่อยปละละเลยการดูแลโรงเก็บศพกลางจนมีศพถูกปล่อยทิ้งไว้จนเน่าเปื่อยอยู่อย่างนั้นโดยไม่ทำอะไร
โดยปกติแล้ว ศพผู้ต้องขังจะถูกเก็บไว้ชั่วคราวที่โรงเก็บศพเป็นเวลา 3 เดือนเพื่อรอให้ญาติมารับศพ
ทั้งนี้พิธีฝังศพหมู่ในวันศุกร์ถือเป็นการฝังศพครั้งใหญ่ที่สุดของกรมราชทัณฑ์ฟิลิปปินส์
การค้นพบที่น่าสยดสยองในโรงเก็บศพเป็นเพียงเรื่องอื้อฉาวล่าสุดที่ทำให้กรมราชทัณฑ์ต้องเผชิญกับคำตำหนิ นอกเหนือไปจากประเด็นความล้มเหลวในการบริหารระบบเรือนจำที่แออัดยัดเยียดของประเทศ
วิลลานูเอวากล่าวว่า มีแพทย์เพียง 5 คน ขณะที่มีการเสียชีวิตเฉลี่ย 1-2 รายต่อวัน ภายในเรือนจำนิวบิลิบิดซึ่งมีผู้ต้องขังประมาณ 29,000 คน แต่ต้องถูกคุมขังในสถานที่แออัดที่ออกแบบมาสำหรับ 6,435 คน.