เวียดนามเรียกร้องให้ Netflix หยุดเผยแพร่ซีรีย์เกาหลีใต้เรื่อง "Little Women" ในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยอ้างว่าซีรีย์เรื่องดังกล่าวบิดเบือนเหตุการณ์ในสงครามเวียดนาม
(Photo by Anthony WALLACE / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อพุธที่ 5 ตุลาคม 2565 กล่าวว่า เวียดนามเรียกร้องให้ Netflix (เน็ตฟลิกซ์) ผู้ให้บริการสตรีมมิ่งคอนเทนต์และความบันเทิงระดับโลก พิจารณาระงับการเผยแพร่ซีรีย์เกาหลีใต้เรื่อง "Little Women (ลิตเติ้ล วีเมน)" ที่กำลังออกอากาศในแพล็ตฟอร์มของเน็ตฟลิกซ์ โดยกล่าวอ้างว่าเนื้อหาของซีรีย์เรื่องนี้ มีการบิดเบือนข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ของสงครามเวียดนาม
ประเด็นดังกล่าว สืบเนื่องจากตอนที่ 8 ของซีรีย์เรื่องนี้ ซึ่งอ้างอิงจากนวนิยายชื่อเดียวกันของลุยซา เมย์ อัลคอตต์ ( Louisa May Alcott ) มีฉากการคุยโวของทหารผ่านศึกเกาหลีใต้ที่เกี่ยวกับ "อัตราส่วนการฆ่าต่อการตาย" ระหว่างกองกำลังจากเกาหลีใต้ และทหารเวียดกง
ทหารเกาหลีใต้มากกว่า 320,000 คนถูกส่งไปรบในเวียดนามระหว่างปี 2507 - 2516 เพื่อต่อสู้เคียงข้างกับทหารสหรัฐฯ ซึ่งเคยมีการกล่าวหาว่าสังหารพลเรือนเวียดนามไปเป็นจำนวนมาก
โดยตัวละครทหารผ่านศึกในซีรีย์เกาหลีเรื่องดังกล่าวเล่าให้ 1 ในตัวละครหลักฟังว่า "อัตราส่วนการฆ่าต่อการตายของกองทัพเกาหลีอยู่ที่ 20:1 นั่นคือในการสู้รบ ขณะที่ทหารเวียดกง 20 นายถูกสังหาร จะมีสัดส่วนสูญเสียทหารของฝั่งเกาหลีใต้แค่เพียง 1 คนเท่านั้น"
จากนั้นตัวละครคนดังกล่าวยังพูดต่ออีกว่า อัตราส่วนดังที่ว่านั้น ยิ่งสูงขึ้นในหมู่ทหารฝีมือเยี่ยมของเกาหลีใต้ อย่างไรก็ดี ไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าจำนวนทหารเวียดนามเหนือ (เวียดกง) ที่ถูกกองทหารเกาหลีใต้สังหารระหว่างสงครามมีเท่าไหร่กันแน่
รายงานของเว็บไซต์ Vietnamnet เปิดเผยว่า ในจดหมายที่ส่งถึง Netflix หน่วยงานองค์การกระจายเสียงและสารสนเทศอิเล็กทรอนิกส์ของเวียดนาม ระบุว่า ซีรีย์ดังกล่าวละเมิดกฎหมายของประเทศที่ต่อต้าน "การบิดเบือนประวัติศาสตร์, ปฏิเสธความสำเร็จในการปฏิวัติ, ทำลายชาติและวีรบุรุษของชาติ" ซึ่งซีรีย์เรื่องนี้ถ่ายทอดบทสนทนาระหว่างตัวละครที่ยกย่องการก่ออาชญากรรมของทหารรับจ้างชาวเกาหลีในช่วงสงคราม
Netflix ถูกขอให้ระงับการเผยแพร่ซีรีย์เรื่องดังกล่าวภายในวันพุธ แต่ยังไม่มีการตอบสนองใดๆจากผู้ให้บริการสตรีมมิ่งระดับโลกรายนี้
ตั้งแต่ปี 2563 Netflixได้ทำการลบซีรีย์ 3 เรื่องออกจากแพล็ตฟอร์มของตนในเวียดนาม หลังได้รับการร้องเรียนจากหน่วยงานท้องถิ่นเกี่ยวกับข้อกล่าวหา "ละเมิดอธิปไตยของประเทศ".
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ฟังจากปากผู้กำกับ 'วุฒิดนัย' กับความละเมียดละไมที่ซ่อนไว้ใน 'อย่า กลับ บ้าน'
"อย่ากลับบ้าน (Don’t Come Home)" ซีรีส์ลึกลับระทึกขวัญเรื่องจาก Netflix ภายใต้ความร่วมมือกับ หับโห้หิ้น บางกอก ประสบความสำเร็จในฐานะคอนเทนต์ไทยที่สามารถไปสู่ระดับสากลได้อีกครั้ง หลังติดอันดับ 3 บนชาร์ต Top 10 หมวดซีรีส์ภาษาต่างประเทศ (Non-English) ที่มีผู้ชมสูงสุดทั่วโลกบน Netflix และติดอันดับ Top 10 ใน 39 ประเทศทั่วโลก หลังจากเริ่มสตรีมเพียง 1 สัปดาห์
อุตุฯ อัปเดตเส้นทางพายุโซนร้อน 2 ลูก 'จ่ามี-กองเร็ย'
กรมอุตุนิยมวิทยา อัปเดตสถานการณ์พายุเวลา 04.00 น. (28/10/67) : พายุโซนร้อน "จ่ามี (TRAMI)" มีศูนย์กลางใกล้ชายฝั่งทางด้านตอนกลางของประเทศเวียดนาม
กรมอุตุฯ เปิดศูนย์ฯติดตามพายุ ’จ่ามี’ คาดขึ้นเวียดนามไม่เข้าไทย แค่มีฝนตกเพิ่มขึ้น
พายุโซนร้อนกำลังแรง 'จ่ามี' จะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลางในวันนี้ โดยพายุนี้จะไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย แต่จะทำให้มีลมฝ่ายตะวันตกและลมตะวันตกเฉียงใต้
'Netflix' เปิดรั้วบ้านจารึกอนันต์ พาแกะรอยมิติใหม่แห่งความลึกลับ
Netflix พาถอดรหัสปริศนาไขคดีลึกลับกับงานแถลงข่าวเปิดตัวซีรีส์ อย่ากลับบ้าน (Don’t Come Home) ซีรีส์แนวลึกลับระทึกขวัญ ภายใต้ความร่วมมือกับหับโห้หิ้น บางกอก โดยในงานแถลงข่าวครั้งนี้ Netflix ได้จำลองบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความไม่ชอบมาพากลของบ้านจารึกอนันต์ ที่จะพาดำดิ่งไปสู่มิติใหม่แห่งความลึกลับ พร้อมเผยเบาะแสใหม่จากคลิปวิดีโอที่ฉายภาพหญิงสาวท่าทางร้อนรนนามว่า “วารี จารึกอนันต์” กำลังวิงวอนขอความช่วยเหลือในการตามหา “มิน” ลูกสาวเพียงคนเดียวของเธอที่หายตัวไปอย่างปริศนา
กดบัตรให้พร้อม 2 หนุ่ม 'Dai Nakai' และ 'Shun Nakanish' 14 ธ.ค. นี้ มาแน่!
ความสุขกำลังจะมาเช็คอิน เตรียมตัวฟินกับ 2 หนุ่มที่จะทำให้หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เพราะประเทศไทยกำลังจะมี “Dai Nakai” และ “Shun Nakanish” แล้ว โดยทั้ง 2 หนุ่มแจ้งเกิดจนโด่งดังไปทั่วโลกกับเคมีที่เข้ากันได้ดีในรายการ “The Boyfriend” ซึ่งเป็นรายการเรียลลิตี้หาคู่สำหรับคู่รักเพศเดียวกัน รายการแรกของญี่ปุ่น
'นางนาคพระโขนง' สุดปัง Vidio แพลตฟอร์มใหญ่อินโดนีเซีย สตรีมพร้อมไทยครั้งแรก!
เรียกว่าปัง! ส่งท้ายปี 2024 สำหรับ ช่อง 3 ละครดัง “นางนาคพระโขนง” (The Legend of Nang Nak) ล่าสุดแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ PT Vidio Dot Com ( Vidio ) บริการสตรีมมิ่งวิดีโอแบบ OTT รายใหญ่ที่สุดของประเทศอินโดนีเซีย จับขึ้นสตรีมมิ่งให้ชาวอินโดนีเซีย ที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 4 ของโลก รับชมพร้อมประเทศไทยเป็นครั้งแรก