กองทุนโลกเพื่อการต่อสู้โรคเอดส์ วัณโรค และมาลาเรีย สามารถระดมทุนได้กว่า 14,250 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากงานประชุมผู้บริจาคที่นำโดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน
(จากซ้ายไปขวา) นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่น, ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส, เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป และประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐอเมริกา ปรบมือร่วมกันในงานระดมทุนครั้งที่ 7 ของกองทุนโลกเพื่อการต่อสู้โรคเอดส์ วัณโรค และมาลาเรีย ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 21 กันยายน (Photo by Ludovic MARIN / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน 2565 กล่าวว่า กองทุนโลกเพื่อการต่อสู้โรคเอดส์, วัณโรค และมาลาเรีย (The Global Fund to Fight AIDS, Tuberculosis and Malaria) จัดงานระดมทุนครั้งที่ 7 เมื่อวันพุธ ในนครนิวยอร์ก โดยมีสหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าภาพ และสามารถระดมทุนได้กว่า 14,250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 530,000 ล้านบาท)
กองทุนโลกก่อตั้งขึ้นในปี 2545 โดยนำรัฐบาลจากหลายประเทศ, หน่วยงานพหุภาคี, กลุ่มประชาสังคม และภาคเอกชนมาร่วมมือกัน ในฐานะที่เป็นหุ้นส่วนด้านสุขภาพระดับโลก พร้อมการสนับสนุนเงินทุนในภารกิจต่อสู้กับโรคเอดส์, วัณโรค และมาลาเรีย ในทุกภูมิภาคทั่วโลก และมีรอบการจัดหาเงินทุนทุก 3 ปี
การระดมทุนครั้งที่ 6 ในปี 2562 และเป็นครั้งล่าสุดของกองทุนโลกฯ ซึ่งฝรั่งเศสโดยประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครงเป็นเจ้าภาพ สามารถระดมทุนได้มากเป็นประวัติการณ์ถึง 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มาแล้วก่อนหน้านี้
การระดมทุนได้ในครั้งนี้ เป็นจำนวนเงินสูงสุดที่เคยได้รับจากภาคีบริจาค แต่ก็ยังไม่ถึง 18,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามที่ตั้งเป้าไว้ หลังจากที่อังกฤษและอิตาลียังไม่ได้ให้การสนับสนุนเงินทุนในงานนี้ พร้อมขอชะลอการส่งมอบให้ในภายหลัง
ปีเตอร์ แซนด์ส กรรมการบริหารกองทุนโลกฯ กล่าวว่า "สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้คือการระดมทรัพยากรเพื่อสุขภาพระดับโลกอย่างหาที่เปรียบไม่ได้" และเสริมว่า เขาคาดหวังให้อังกฤษและอิตาลีทำตามคำมั่นสัญญาในเวลาที่เหมาะสม
"ขอบคุณทุกคนที่ก้าวขึ้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจโลกที่ท้าทาย และผมขอให้พวกคุณยึดมั่นสิ่งเหล่านี้ต่อไป" ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ กล่าวในงาน
สหรัฐอเมริกาเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ หลังให้คำมั่นว่าจะส่งเงินเข้ากองทุนที่จำนวน 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รองลงมาคือฝรั่งเศสที่ 1,600 ล้านยูโร, เยอรมนีสนับสนุน 1,300 ล้านยูโร, แคนาดาสนับสนุน 1,210 ล้านดอลลาร์สหรัฐ, ญี่ปุ่นสนับสนุน 1,080 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และสหภาพยุโรป(อียู)สนับสนุน 715 ล้านยูโร ขณะที่ภาคเอกชนอย่างมูลนิธิเกตส์ (ของบิล เกตส์) จะสนับสนุน 912 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
เป้าหมายมูลค่า 18,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐนั้น มาจากแผนงานเพื่อการยุติโรคเอดส์,วัณโรค และมาลาเรีย ให้ได้ทั้งหมดภายในปี 2573 รวมถึงการฟื้นฟูพื้นที่ที่สูญเสียไประหว่างการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา และการช่วยเหลือ 20 ล้านชีวิตทั่วโลกในช่วง 3 ปีข้างหน้า
กองทุนโลกฯประเมินผลการดำเนินงานที่ผ่านมาว่า สามารถลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคเอดส์, วัณโรค และมาลาเรียได้ถึง 50% และช่วยชีวิตผู้คนได้มากกว่า 50 ล้านคนในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา.