สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ได้รับการประกาศให้เป็นกษัตริย์อย่างเป็นทางการตามราชพิธี พร้อมยึดมั่นในการสืบสานพระราชปณิธานและรับใช้ประเทศชาติเยี่ยงพระราชมารดาผู้เสด็จสวรรคต
สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักรทรงปราศรัยระหว่างการประชุมสภาภาคยานุวัติภายในพระราชวังเซนต์เจมส์ ในกรุงลอนดอน เมื่อวันที่ 10 กันยายน ก่อนได้รับการประกาศเป็นกษัติร์ย์องค์ใหม่ตามราชประเพณี พร้อมทูลเชิญขึ้นสู่พระราชบัลลังก์อย่างเป็นทางการ (Photo by Jonathan Brady / POOL / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันเสาร์ที่ 10 กันยายน 2565 กล่าวว่า พระราชพิธีประกาศแต่งตั้งกษัตริย์พระองค์ใหม่ของสหราชอาณาจักรและเครือจักรภพ ดำเนินขึ้นแล้วเมื่อช่วงเย็นวันเสาร์ ที่พระราชวังเซนต์เจมส์ โดยสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ได้รับการประกาศพระนามและทูลเชิญขึ้นสู่พระราชบัลลังก์ในฐานะพระประมุของค์ใหม่
พิธีบรมราชาภิเษกอันโอ่อ่าตระการตา เริ่มด้วยการประโคมทรัมเป็ตและการยิงสลุต สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงได้รับการประกาศให้เป็น "พระมหากษัตริย์ที่ถูกต้องตามกฎหมายอย่างชอบธรรมเพียงพระองค์เดียวของราชอาณาจักร"
สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ตรัสรับการทูลเชิญขึ้นสู่บังลังก์ พร้อมทรงประกาศว่า "ข้าพเจ้าตระหนักดีถึงมรดกอันยิ่งใหญ่นี้ รวมถึงหน้าที่และความรับผิดชอบอันหนักอึ้งของอำนาจอธิปไตย ซึ่งตอนนี้ได้ส่งผ่านมาถึงข้าพเจ้าแล้ว ในสิ่งที่ต้องรับผิดชอบเหล่านี้ ข้าพเจ้าจะพยายามปฏิบัติตัวตามแบบอย่างของการสร้างแรงบันดาลใจที่ข้าพเจ้าเคยได้ประสบมา"
พระราชินีคามิลลา และเจ้าชายวิลเลียม ดยุกแห่งคอร์นวอลล์และเจ้าชายแห่งเวลส์ เข้าร่วมในพระราชพิธีครั้งนี้ร่วมกับบุคคลสำคัญของสหราชอาณาจักรและเครือจักรภพ รวมทั้งนายกรัฐมนตรีลิซ ทรัสส์ ของอังกฤษ
พิธีสดุดีดังกึกก้องพร้อมกันทั่วสหราชอาณาจักร และถ้อยแถลงจากพิธีการ ได้รับการประกาศต่อประชาชนและสาธารณชนทั้งในอังกฤษ, สกอตแลนด์ ไอร์แลนด์เหนือ และเวลส์
พระราชินีคามิลลา (ซ้าย) และสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักร (Photo by Victoria Jones / POOL / AFP)
คำประกาศของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ต่อสภาภาคยานุวัติ, คณะราชวงศ์อาวุโสของอังกฤษที่มีอายุหลายศตวรรษ และผู้นำทางการเมืองและศาสนา
"ท่านลอร์ด ท่านสุภาพสตรี และท่านสุภาพบุรุษทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอถือโอกาสนี้ประกาศเรื่องที่น่าเศร้าที่สุด คือการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระราชินีผู้เป็นที่รักของข้าพเจ้า"
"ข้าพเจ้ารู้ดีว่าคนทั้งประเทศรู้สึกเสียใจมากเพียงใด และขอบคุณกับความเห็นอกเห็นใจที่มีต่อข้าพเจ้าในความสูญเสียที่ทุกคนมิอาจหลีกเลี่ยง"
"การได้รับรู้ถึงความเห็นอกเห็นใจที่หลายคนมอบให้กับน้องสาวและน้องชายของข้าพเจ้า ถือเป็นการปลอบใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับข้าพเจ้า ที่ความรักและการสนับสนุนอย่างท่วมท้นได้แผ่ขยายไปถึงทั้งครอบครัวของข้าพเจ้า ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้สูญเสียด้วยกันทั้งหมด"
"สำหรับพวกเราทุกคนในฐานะครอบครัว สำหรับอาณาจักรนี้และครอบครัวของประชาชาติในวงกว้าง พระมารดาของข้าพเจ้าได้แสดงพระองค์เป็นแบบอย่างการมอบความรักชั่วชีวิตและการรับใช้อย่างไม่เห็นแก่ตัว"
"ข้าพเจ้าตระหนักดีถึงมรดกอันยิ่งใหญ่ รวมถึงหน้าที่และความรับผิดชอบอันหนักอึ้งของอำนาจอธิปไตยซึ่งบัดนี้ได้ส่งผ่านมาถึงข้าพเจ้าแล้ว"
"ในการรับผิดชอบสิ่งเหล่านี้ ข้าพเจ้าจะพยายามปฏิบัติตัวตามแบบอย่างของการสร้างแรงบันดาลใจซึ่งข้าพเจ้าได้ประสบมา เพื่อสนับสนุนการปกครองตามรัฐธรรมนูญ และนำพาซึ่งความสงบ, ความสามัคคี และความเจริญรุ่งเรืองของผู้คนในดินแดนนี้ ตลอดจนอาณาจักรและดินแดนในเครือจักรภพทั่วโลก"
"เพื่อจุดประสงค์นี้ ข้าพเจ้ารู้ว่าข้าพเจ้าจะได้รับการสนับสนุนด้วยความรักและความภักดีของประชาชาติซึ่งข้าพเจ้าได้รับการประกาศให้เป็นผู้มีอำนาจสูงสุด และในการปฏิบัติหน้าที่เหล่านั้น ข้าพเจ้าจะได้รับคำแนะนำจากที่ปรึกษาของรัฐสภาที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน"
"ข้าพเจ้าถือโอกาสนี้ยืนยันความเต็มใจและความตั้งใจที่จะสานต่อประเพณีการมอบรายรับที่สืบเชื้อสายมา รวมทั้งทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ให้แก่รัฐบาลเพื่อประโยชน์ของทุกคน เพื่อแลกกับทุนอธิปไตยซึ่งสนับสนุนหน้าที่ราชการของข้าพเจ้าในฐานะหัวหน้า รัฐและประมุขของประเทศ"
"และในการปฏิบัติหน้าที่อันหนักอึ้งที่มอบหมายให้ข้าพเจ้า บัดนี้ข้าพเจ้าอุทิศชีวิตที่เหลือ เพื่อสวดอ้อนวอนขอการนำทางและความช่วยเหลือจากพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ".
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ยิงปืนใหญ่สดุดีเนื่องในวันครบรอบปีแรกพระราชพิธีราชาภิเษกของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3
วันครบรอบพระราชพิธีราชาภิเษกของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 มีขึ้นเป็นปีแรกเมื่อวันจันทร์ เมื่อเวลา 12.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่
ดับข่าวลือ‘เคท’! ประชวรอยู่ระหว่างเคมีบำบัดรักษาโรคมะเร็ง
เจ้าหญิงแคทเธอรีนทรงประกาศว่าพระองค์เป็นมะเร็ง และอยู่ในขั้นเริ่มต้นของการรักษาด้วยเคมีบำบัด
เมื่อสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงเปิดเผยความจริงต่อสาธารณะ
ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 1952 ที่พระราชวังแซนดริงแฮม พระเจ้าจอร์จที่ 6 ซึ่งเป็นพระอัยกาของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 สิ้นพระชนม์อ