ดรูปาดี เมอร์มู นักการเมืองหญิงจากชนเผ่าสันธาล ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ ทำให้เธอกลายเป็นชนเผ่าคนแรกของอินเดียที่ได้ครองตำแหน่งสูงสุดทางการเมือง
ดรูปาดี เมอร์มู ที่ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของอินเดีย ปรากฏตัวที่ที่พักชั่วคราวของเธอในกรุงนิวเดลี เพื่อแสดงความขอบคุณต่อผู้ให้การสนับสนุน เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม (Photo by AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันศุกร์ที่ 22 กรกฎาคม 2565 กล่าวว่า ผลคะแนนจากรัฐสภาอินเดียที่ได้ทำการลงคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่เมื่อต้นสัปดาห์ ได้รับการเปิดเผยออกมาโดยคณะกรรมการการเลือกตั้งเมื่อวันพฤหัสบดีที่ระบุว่า ดรูปาดี เมอร์มู นักการเมืองหญิงจากชนเผ่าสันธาลซึ่งเป็นชนเผ่าชายขอบของประเทศ ได้รับคะแนนเสียงเกินครึ่งจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในรัฐสภาและจากสมาชิกสภานิติบัญญัติระดับภูมิภาคทั่วประเทศ
เมอร์มู วัย 64 ปี ได้รับการเสนอชื่อจากพรรคภารติยะ ชนะตา (บีเจพี) ของนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ให้ร่วมชิงชัยในตำแหน่งประธานาธิบดี ก่อนเธอจะคว้าชัยชนะได้ในท้ายที่สุด
นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี เขียนข้อความผ่านทางทวิตเดอร์เพื่อแสดงความยินดีกับเมอร์มู โดยกล่าวว่า "แบบอย่างความสำเร็จของเมอร์มู เป็นแรงผลักดันให้ชาวอินเดียทุกคน และเธอได้กลายเป็นความหวังสำหรับพลเมืองของอินเดีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาคนจน, คนชายขอบ และผู้ถูกกดขี่"
เมอร์มูจะประธานาธิบดีคนที่ 15 ของอินเดีย และเป็นประธานาธิบดีหญิงคนที่ 2 ของประเทศ ต่อจากประติภา เทวีสิงห์ ปาฏีล เมอร์มูเริ่มต้นอาชีพการเป็นครูในรัฐโอริสสา ก่อนจะเข้าสู่การเมืองโดยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐโอริสสา และเคยเป็นผู้ว่าการรัฐฌาร์ขัณฑ์
“ในฐานะสตรีชนเผ่าจากเขตมยุรภานจ์ที่ห่างไกล ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะได้รับเสนอชื่อในตำแหน่งสูงสุด” เมอร์มูเคยกล่าวกับสื่อมวลชนหลังจากได้รับการเสนอชื่อชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีในเดือนนี้
ชัยชนะของเมอร์มู ถือเป็นการยืนยันความเข้มแข็งของพรรครัฐบาลอย่างบีเจพี และพันธมิตรทั้งในรัฐสภาและระดับภูมิภาค
แต่ตำแหน่งประธานาธิบดีส่วนใหญ่จะมีบทบาทแค่ทางพิธีการ ไม่ใช่ทางการบริหาร ดังนั้นการเป็นประธานาธิบดีของเมอร์มู ไม่น่าจะสร้างความแตกต่างในทางปฏิบัติอย่างมีนัยสำคัญต่อชนเผ่าคนกลุ่มน้อยซึ่งได้รับการผลักไสให้อยู่ชายขอบของสังคมอินเดียมานานแล้ว
ประธานาธิบดีสามารถใช้อำนาจได้โดยตรงหรือผ่านผู้ใต้บังคับบัญชาแค่บางอย่างเท่านั้น และในทางปฏิบัติ จะสามารถใช้อำนาจผ่านทางนายกรัฐมนตรีโดยความช่วยเหลือของคณะรัฐมนตรี.