เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธจำนวนหนึ่ง ซึ่งอาจเป็นขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป (ไอซีบีเอ็ม) ไล่หลังการเดินทางออกจากเอเชียของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ เพียงไม่กี่ชั่วโมง
ชาวเกาหลีใต้ดูโทรทัศน์ที่ติดตั้งในสถานีรถไฟใต้ดินกรุงโซล ขณะมีการรายงานข่าวการยิงขีปนาวุธ 3 ลูกของเกาหลีเหนือ เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม (Photo by Jung Yeon-je / AFP)
เอเอฟพีรายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ในประเด็นความเคลื่อนไหวในประเทศเกาหลีเหนือ เมื่อวันพุธที่ 25 พฤษภาคม 2565 กล่าวว่า เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธ 3 ลูก จากสนามบินซูนันในกรุงเปียงยาง และหนึ่งในนั้นเป็นขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป (ไอซีบีเอ็ม) ตามรายงานจากสภาความมั่นคงแห่งชาติของเกาหลีในกรุงโซล
หลังจากการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติซึ่งมีประธานาธิบดียุน ซ็อก-ยอลเป็นประธาน ทางการเกาหลีใต้ออกมาแถลงว่า การยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือถือเป็น “การละเมิดมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติอย่างชัดเจน”
“การยิงขีปนาวุธ 3 ลูกในช่วงเช้าตรู่ของวันพุธ เกิดขึ้นห่างกันครั้งละหนึ่งชั่วโมง โดยขีปนาวุธลูกแรก (อาจเป็นไอซีบีเอ็ม ฮวาซอง-17) ทะยานได้ไกลประมาณ 360 กิโลเมตร ในระดับความสูงประมาณ 540 กิโลเมตร, ขีปนาวุธลูกที่สอง พุ่งทะยานหายไปในระดับความสูง 20 กิโลเมตร และขีปนาวุธลูกที่สาม ซึ่งอาจจะเป็นขีปนาวุธพิสัยใกล้ ทะยานได้ไกลถึง 760 กิโลเมตร ในระดับความสูงประมาณ 60 กิโลเมตร” เสนาธิการร่วมของเกาหลีใต้กล่าวในแถลงการณ์
การยิงขีปนาวุธล่าสุดนี้ เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากที่ประธานาธิบดีไบเดนเสร็จภารกิจและเดินทางออกจากประเทศเกาหลีใต้เมื่อวันอาทิตย์
ในระหว่างการเยือนของไบเดน เกาหลีใต้และสหรัฐฯ ประกาศว่าทั้งสองประเทศยังจะคงมีการซ้อมรบร่วมเกิดขึ้นต่อไป แต่อาจลดขนาดลง เนื่องจากการระบาดของโรคโควิด-19 อีกทั้งยังมีการหารือเกี่ยวกับการนำทรัพย์สินทางยุทธวิธีของสหรัฐฯ ไปใช้ในคาบสมุทรเกาหลีมากขึ้น ซึ่งเป็นแนวทางที่น่าจะสร้างความเดือดดาลให้กับเกาหลีเหนือเป็นอย่างมาก เพราะเกาหลีเหนือคิดอยู่เสมอว่าการซ้อมรบร่วมเป็นการซ้อมรบเพื่อบุกประเทศของตน และเกาหลีเหนือแสดงความต่อต้านด้วยการแสดงออกผ่านการยิงขีปนาวุธ
แม้ปัจจุบันจะต้องเผชิญกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างหนักหน่วง แต่ภาพถ่ายดาวเทียมครั้งใหม่ระบุว่า เกาหลีเหนือได้กลับมาดำเนินการก่อสร้างเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่เคยหยุดทำงานมานานเพื่อกลับมาใช้งานอีกครั้ง
เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เกาหลีเหนือได้ยืนยันการพบผู้ป่วยโควิดสายพันธุ์โอมิครอนเป็นครั้งแรกในกรุงเปียงยาง และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาไวรัสได้แพร่ระบาดผ่านประชากร 25 ล้านคนที่ไม่เคยได้รับวัคซีน อย่างรวดเร็ว
สื่อทางการของเกาหลีเหนือเผยเมื่อวันพุธว่า มีผู้คนมากกว่า 3 ล้านคนป่วยด้วยอาการ "ไข้ชนิดหนึ่ง" และมีผู้เสียชีวิต 68 รายนับตั้งแต่การระบาดเริ่มขึ้นปลายเดือนเมษายน
ยาง มูจิน อาจารย์จากมหาวิทยาลัยเกาหลีเหนือศึกษา ให้ความเห็นว่า “เกาหลีเหนือยังคงทำการทดสอบขีปนาวุธต่อไป แม้จะอยู่ท่ามกลางประกาศภาวะฉุกเฉินของชาติจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด เป็นการแสดงให้เห็นความมุ่งมั่นของเกาหลีเหนือที่จะบรรลุวัตถุประสงค์สองประการพร้อมกัน คือ การเอาชนะโรคระบาดและการเสริมสร้างคลังอาวุธนิวเคลียร์"
“ดูเหมือนคิมจองอึนจะอยากประกาศว่า เกาหลีเหนือเป็นผู้กุมชะตาความมั่นคงในคาบสมุทรเกาหลี ไม่ใช่สหรัฐฯ” เขากล่าวเสริม.