ตำรวจบราซิลบุกโจมตีสลัมในกรุงริโอ มีผู้เสียชีวิตจากการปะทะ 21 ราย

เจ้าหน้าที่ตำรวจบราซิลเปิดปฏิบัติการปราบอาชญากรในสลัมแห่งหนึ่งของกรุงริโอ เด จาเนโร ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 21 ราย เป็นปฏิบัติการนองเลือดอีกครั้งหลังจากปีที่แล้วก็มีเหตุการณ์ในทำนองเดียวกัน

ชายคนหนึ่งตะโกนใส่ตำรวจ หลังจากปฏิบัติการของตำรวจที่สลัมในเมืองริโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 21 ราย จากการปะทะรุนแรงในภารกิจค้นหาและจับกุม "หัวหน้าอาชญากร" (Photo by MAURO PIMENTEL / AFP)

เอเอฟพีรายงานจากกรุงริโอ เด จาเนโร ประเทศบราซิล เมื่อวันพุธที่ 25 พฤษภาคม 2565 กล่าวว่า ตำรวจบราซิลเปิดปฏิบัติการปราบอาชญากรสำคัญซึ่งไปซ่อนตัวอยู่ในสลัมแห่งหนึ่งกลางกรุงริโอ จนเกิดการปะทะกันในชุมชนสลัม และเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 21 ราย และบาดเจ็บรักษาตัวในโรงพยาบาลอีก 7 คน

เจ้าหน้าที่ตำรวจรายหนึ่งกล่าวว่า พวกเขาถูกยิงขณะที่กำลังจะบุกเข้าไปในสลัมทางตอนเหนือของกรุงริโอที่ชื่อว่า วีล่า ครูไซโร ในช่วงเช้าตรู่ ด้วยภารกิจในการค้นหาและจับกุม "หัวหน้าอาชญากร" ทำให้จำเป็นต้องยิงตอบโต้ จนเกิดการปะทะบานปลาย และเสริมว่า อย่างน้อย 11 รายจากจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมด เป็น "ผู้ต้องสงสัย" พร้อมทั้งกล่าวขอโทษที่มีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตจากการถูกกระสุนยิงใส่ระหว่างความโกลาหลในครั้งนี้ เป็นผู้หญิง 1 ราย

ชาวบ้านคนหนึ่งให้ข้อมูลว่า โรงเรียนอย่างน้อย 19 แห่งในพื้นที่ ต้องปิดหนีกันจ้าละหวั่นเมื่อเสียงปืนเริ่มดังขึ้น ผู้คนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว มีความเสียหายเกิดขึ้นเต็มไปหมด ไม่เว้นแม้แต่เฮลิคอปเตอร์ของเจ้าหน้าที่

เป็นเรื่องปกติในริโอ ที่ตำรวจมักจะบุกเข้าไปในสลัมเพื่อกวาดล้างขบวนการค้ายาเสพติด และในครั้งนี้ พวกเขาอ้างว่า ต้องการตามหาหัวหน้าแก๊งค้ายาที่มาหลบซ่อนตัวอยู่ในสลัมแห่งนี้

“มันเป็นแผนปฏิบัติการที่วางไว้เป็นเวลาหลายสัปดาห์แล้ว แต่เราตรวจพบการเคลื่อนไหวทางอาชญากรรมในตอนกลางคืน จึงตัดสินใจเริ่มปฏิบัติการในทันที” พันเอก ลุยซ์ เฮนริค มารินโญ ปิเรส หนึ่งในทีมปฏิบัติการกล่าว

ปฏิบัติการในครั้งนี้ ถือเป็นการจู่โจมของตำรวจที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่มีผู้เสียชีวิต 28 รายเมื่อปีก่อนในสลัมที่ชื่อว่า จากาเรซินโญ่ ซึ่งเป็นการเสียชีวิตหมู่ที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของเมือง

วีล่า ครูไซโร เป็นสลัมที่แออัดไปด้วยผู้คน ตั้งอยู่บนเนินเขาซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสนามบินนานาชาติของริโอ เด จาเนโร และยังเป็นที่เกิดเหตุของการเผชิญหน้ากันอย่างรุนแรงระหว่างรัฐและอาชญากรในเดือนกุมภาพันธ์ และมีผู้เสียชีวิตไป 8 ราย

โฆษกตำรวจแถลงว่า “ปฏิบัติการก่อนรุ่งสางของวันอังคารนั้น มุ่งเป้าไปที่ เรด คอมมานด์ ซึ่งเป็นหนึ่งในแก๊งอาชญากรที่มีอำนาจมากที่สุดของบราซิล และเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมกว่า 80% ในริโอ”

ปฏิบัติการครั้งนี้ ไม่มีรายงานการจับกุม แต่เจ้าหน้าที่ยึดปืนไรเฟิลจู่โจมได้ 13 กระบอก, ปืนพก 4 กระบอก, รถจักรยานยนต์ 20 คัน และรถยนต์ 10 คัน

เจ้าหน้าที่ระดมกำลังในปฏิบัติการจำนวนมาก เกิดทั้งความเสียหายของทรัพย์สินและมีผู้เสียชีวิต แต่ไม่มีการถ่ายหรือบันทึกภาพในปฏิบัติการแต่อย่างใด ซึ่งทำให้มีข้อครหาถึงความโปร่งใสยุติธรรมจากสาธารณชน โดยเฉพาะกลุ่มสิทธิมนุษยชน ที่ออกมาเรียกร้องให้ยกเลิกปฏิบัติการที่เน้นแต่ใช้ความรุนแรงอย่างไม่มีเหตุผลต่อไปโดยไม่รู้จบ และแนะให้ใช้วิธีตรวจสอบหรือป้องกันเส้นทางการเงินของอาชญากรแทน

ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยเองก็เชื่อว่า กล้องถ่ายภาพอาจช่วยป้องกันการกระทำในทางที่ผิด แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาทั้งหมดได้ พร้อมแนะนำให้มีการปฏิรูปตำรวจร่วมด้วย

ตำรวจบราซิลเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่เสียชีวิตมากที่สุดในโลก โดยมีตำรวจบราซิลชีวิตมากกว่า 6,100 รายในปี 2564 หรือเฉลี่ยเสียชีวิต 17 รายต่อวัน ตามรายงานจากหน่วยตรวจติดตามความรุนแรงและความปลอดภัยสาธารณะภาคเอกชน.

เอเอฟพีรายงานจากกรุงริโอ เด จาเนโร ประเทศบราซิล เมื่อวันพุธที่ 25 พฤษภาคม 2565 กล่าวว่า ตำรวจบราซิลเปิดปฏิบัติการปราบอาชญากรสำคัญซึ่งไปซ่อนตัวอยู่ในสลัมแห่งหนึ่งกลางกรุงริโอ จนเกิดการปะทะกันในชุมชนสลัม และเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 21 ราย และบาดเจ็บรักษาตัวในโรงพยาบาลอีก 7 คน

เจ้าหน้าที่ตำรวจรายหนึ่งกล่าวว่า พวกเขาถูกยิงขณะที่กำลังจะบุกเข้าไปในสลัมทางตอนเหนือของกรุงริโอที่ชื่อว่า วีล่า ครูไซโร ในช่วงเช้าตรู่ ด้วยภารกิจในการค้นหาและจับกุม "หัวหน้าอาชญากร" ทำให้จำเป็นต้องยิงตอบโต้ จนเกิดการปะทะบานปลาย และเสริมว่า อย่างน้อย 11 รายจากจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมด เป็น "ผู้ต้องสงสัย" พร้อมทั้งกล่าวขอโทษที่มีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตจากการถูกกระสุนยิงใส่ระหว่างความโกลาหลในครั้งนี้ เป็นผู้หญิง 1 ราย

ชาวบ้านคนหนึ่งให้ข้อมูลว่า โรงเรียนอย่างน้อย 19 แห่งในพื้นที่ ต้องปิดหนีกันจ้าละหวั่นเมื่อเสียงปืนเริ่มดังขึ้น ผู้คนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว มีความเสียหายเกิดขึ้นเต็มไปหมด ไม่เว้นแม้แต่เฮลิคอปเตอร์ของเจ้าหน้าที่

เป็นเรื่องปกติในริโอ ที่ตำรวจมักจะบุกเข้าไปในสลัมเพื่อกวาดล้างขบวนการค้ายาเสพติด และในครั้งนี้ พวกเขาอ้างว่า ต้องการตามหาหัวหน้าแก๊งค้ายาที่มาหลบซ่อนตัวอยู่ในสลัมแห่งนี้

“มันเป็นแผนปฏิบัติการที่วางไว้เป็นเวลาหลายสัปดาห์แล้ว แต่เราตรวจพบการเคลื่อนไหวทางอาชญากรรมในตอนกลางคืน จึงตัดสินใจเริ่มปฏิบัติการในทันที” พันเอก ลุยซ์ เฮนริค มารินโญ ปิเรส หนึ่งในทีมปฏิบัติการกล่าว

ปฏิบัติการในครั้งนี้ ถือเป็นการจู่โจมของตำรวจที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่มีผู้เสียชีวิต 28 รายเมื่อปีก่อนในสลัมที่ชื่อว่า จากาเรซินโญ่ ซึ่งเป็นการเสียชีวิตหมู่ที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของเมือง

วีล่า ครูไซโร เป็นสลัมที่แออัดไปด้วยผู้คน ตั้งอยู่บนเนินเขาซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสนามบินนานาชาติของริโอ เด จาเนโร และยังเป็นที่เกิดเหตุของการเผชิญหน้ากันอย่างรุนแรงระหว่างรัฐและอาชญากรในเดือนกุมภาพันธ์ และมีผู้เสียชีวิตไป 8 ราย

โฆษกตำรวจแถลงว่า “ปฏิบัติการก่อนรุ่งสางของวันอังคารนั้น มุ่งเป้าไปที่ เรด คอมมานด์ ซึ่งเป็นหนึ่งในแก๊งอาชญากรที่มีอำนาจมากที่สุดของบราซิล และเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมกว่า 80% ในริโอ”

ปฏิบัติการครั้งนี้ ไม่มีรายงานการจับกุม แต่เจ้าหน้าที่ยึดปืนไรเฟิลจู่โจมได้ 13 กระบอก, ปืนพก 4 กระบอก, รถจักรยานยนต์ 20 คัน และรถยนต์ 10 คัน

เจ้าหน้าที่ระดมกำลังในปฏิบัติการจำนวนมาก เกิดทั้งความเสียหายของทรัพย์สินและมีผู้เสียชีวิต แต่ไม่มีการถ่ายหรือบันทึกภาพในปฏิบัติการแต่อย่างใด ซึ่งทำให้มีข้อครหาถึงความโปร่งใสยุติธรรมจากสาธารณชน โดยเฉพาะกลุ่มสิทธิมนุษยชน ที่ออกมาเรียกร้องให้ยกเลิกปฏิบัติการที่เน้นแต่ใช้ความรุนแรงอย่างไม่มีเหตุผลต่อไปโดยไม่รู้จบ และแนะให้ใช้วิธีตรวจสอบหรือป้องกันเส้นทางการเงินของอาชญากรแทน

ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยเองก็เชื่อว่า กล้องถ่ายภาพอาจช่วยป้องกันการกระทำในทางที่ผิด แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาทั้งหมดได้ พร้อมแนะนำให้มีการปฏิรูปตำรวจร่วมด้วย

ตำรวจบราซิลเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่เสียชีวิตมากที่สุดในโลก โดยมีตำรวจบราซิลชีวิตมากกว่า 6,100 รายในปี 2564 หรือเฉลี่ยเสียชีวิต 17 รายต่อวัน ตามรายงานจากหน่วยตรวจติดตามความรุนแรงและความปลอดภัยสาธารณะภาคเอกชน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แก๊งยาเสพติดข้ามชาติ ยัดผงขาว-ไอซ์ มูลค่ากว่า 100 ล้าน ในองค์พระพุทธรูป

ที่หน้ากองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 237 กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 23 (ร้อย ตชด.237 กก.ตชด.23) พล.ต.ฉัฐชัย มีชั้นช่วง ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210 (มทบ.210) และ  รองผู้บัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด

สนธิกำลังจับแก๊งขนยาบ้า ลอบขายช่วงลอยกระทง ยึดของกลาง 2.5 แสนเม็ด

ตำรวจ ทหาร ปกครอง จ.บุรีรัมย์ สนธิกำลังร่วมตำรวจ จ.สุรินทร์ ตามไล่ล่าติดตามจับกุม ทีมขนลำเลียงยาเสพติด ที่จะขนมาขายช่วงเทศกาลลอยกระทง ได้ยกแก๊ง 9 คน ยึดของกลางยาบ้า กว่า 2.5 แสนเม็ด ยาไอซ์จำนวนหนึ่ง กระสุนปืนอีก 14 นัด

ตำรวจแถลงจับเครือข่ายยาบ้ารายใหญ่ ของกลางยาบ้า 41 ล้านเม็ด

ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ,พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี, พล.ต.ท.สำราญ นวลมา และ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ,พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว รอง

ทหารพราน ปะทะเดือด กลุ่มค้ายาชายแดน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ยึดยาบ้า 2 แสนเม็ด

ภายหลังจากที่หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ วางมาตรการสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดนช่วงประเพณีลอยกระทงประจำปีนี้

'ทวี' ตื่น แม่สร้างห้องขังดูแลลูกติดยา รุกจับมือทุกฝ่ายดูแลก่อนออกสู่สังคม  

“ทวี”เยี่ยม “เอ็ม” หนุ่มบุรีรัมย์ที่ถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่ รพ.ธัญญารักษ์ขอนแก่น ครบ 1 อาทิตย์หลังแม่ทนไม่ไหวสร้างห้องขังลูกเหตุเพราะติดยา พร้อมประกาศเดินหน้ากวาดล้างยาเสพติดอย่างจริงจัง และสร้างคนให้มีความรู้ความสามารถทัดเทียมนานาประเทศ