ยุน ซ็อก-ยอล ประธานาธิบดีคนใหม่ของเกาหลีใต้ สาบานตนเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ พร้อมเรียกร้องให้เกาหลีเหนือยกเลิกโครงการอาวุธนิวเคลียร์ เพื่อแลกเปลี่ยนเป็นความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจแทน โดยย้ำว่า ขีปนาวุธของคิมจองอึนเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของภูมิภาคและทั่วโลก
ยุน ซ็อก-ยอล ประธานาธิบดีคนใหม่ของเกาหลีใต้ กล่าวสาบานตนเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ในพิธีที่จัดขึ้นหน้ารัฐสภากรุงโซล เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม (Photo by JEON HEON-KYUN / POOL / AFP)
เอเอฟพีรายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันอังคารที่ 10 พฤษภาคม 2565 กล่าวว่า ยุน ซ็อก-ยอล ประธานาธิบดีคนที่ 20 ของเกาหลีใต้ ทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ พร้อมกล่าวปราศรัยถึงนโยบายเกี่ยวกับเพื่อนบ้านอย่างเกาหลีเหนือ
พิธีสาบานตนจัดขึ้นที่ด้านนอกรัฐสภาในกรุงโซล โดยมีการเดินขบวนดุริยางค์, กองทหารในชุดพิธีการ, การยิงปืนสดุดี 21 กระบอก และประชาชนราว 40,000 คนเข้าร่วมพิธีในครั้งนี้
ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีกำหนดจะเยือนโซลปลายเดือนนี้ ได้ส่งคณะผู้แทนเข้าร่วมเป็นเกียรติและสักขีพยานในพิธี นำคณะโดยดักลาส เอ็มฮอฟฟ์ สุภาพบุรุษหมายเลข 2 ผู้เป็นสามีของกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐ ด้านมหาอำนาจบ้านใกล้เรือนเคียงอย่างจีนได้ส่ง หวัง ฉีชาน รองประธานาธิบดีมาร่วมพิธี ขณะที่ญี่ปุ่นส่ง โยชิมาสะ ฮายาชิ รัฐมนตรีต่างประเทศมาร่วมพิธีเช่นกัน
ยุน วัย 61 ปี เข้ารับตำแหน่งในช่วงเวลาที่มีความตึงเครียดสูงบนคาบสมุทรเกาหลี หลังเกาหลีเหนือทดสอบอาวุธบ่อยครั้งตั้งแต่ต้นปี รวมถึงเพิ่งทดสอบขีปนาวุธไปอีกสองครั้งในสัปดาห์ที่แล้ว
ยุนกล่าวในการปราศรัยครั้งแรกของเขาว่า เขาจะพิจารณาส่งมอบความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจไปให้เกาหลีเหนือ หากเกาหลีเหนือยกเลิกโครงการอาวุธนิวเคลียร์เป็นการแลกเปลี่ยน
“หากเกาหลีเหนือเริ่มดำเนินการปลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างจริงจังและจริงใจ เกาหลีใต้ก็พร้อมที่จะทำงานร่วมกับประชาคมโลกเพื่อร่วมสร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจให้เกาหลีเหนือ รวมถึงการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชน” ยุนกล่าว และเสริมว่า “โครงการอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือไม่เพียงแต่คุกคามความมั่นคงของเพื่อนร่วมคาบสมุทรเท่านั้น แต่หมายรวมถึงทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือด้วยเช่นกัน ขอให้แน่ใจได้ว่า ประตูสู่การเจรจายังคงเปิดอยู่ เพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถแก้ไขภัยคุกคามนี้ให้ลุล่วงไปได้อย่างสันติ”
แต่นักวิเคราะห์เชื่อว่า แนวคิดของยุนนอกจากจะไม่เป็นผลจูงใจใดๆต่อเกาหลีเหนือแล้ว ยังเป็นการหยามเกาหลีเหนือเสียมากกว่า เพราะเกาหลีเหนือดำรงอยู่ได้แม้โดนคว่ำบาตรมายาวนาน และหากลำบากจริงๆก็ยังมีพันธมิตรอย่างจีนให้พอทำการค้าขายแลกเปลี่ยนได้อยู่ หากพูดถึงระดับทางเศรษฐกิจแล้ว เกาหลีเหนือรั้งท้ายเกือบทุกประเทศในโลก แต่หากพูดถึงศักยภาพทางอาวุธนิวเคลียร์ เกาหลีเหนือจะเป็นหนึ่งในมหาอำนาจของโลกเลยทีเดียว ฉนั้นเกาหลีเหนือจะไม่มีทางยอมเลิกโครงการอาวุธนิวเคลียร์เพื่อแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจอย่างแน่นอน.