เอมมานูเอล มาครง คว้าชัยเลือกตั้ง ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสสมัย 2

เอมมานูเอล มาครง รักษาเก้าอี้ประธานาธิบดีฝรั่งเศสไว้ได้เป็นสมัยที่ 2 หลังเอาชนะมารีน เลอ เปน คู่แข่งคนสำคัญของเขาได้อย่างสมศักดิ์ศรี ท่ามกลางความยินดีของฝ่ายสนับสนุนและอาจรวมถึงความโล่งใจของประเทศยุโรปชาติอื่นที่กังวลว่าหากเลอเปนชนะ ความขวาจัดของเธออาจสั่นคลอนเสถียรภาพของอียูได้

เอมมานูเอล มาครง และบรรดาผู้สนับสนุน ร่วมเฉลิมฉลองหลังได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสที่ช็องเดอมาร์ส ใจกลางกรุงปารีส เมื่อวันที่ 24 เมษายน (Photo by Thomas COEX / AFP)

เอเอฟพีรายงานผลการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน 2565 กล่าวว่า เอมมานูเอล มาครง คว้าชัยชนะจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส และรักษาตำแหน่งประธานาธิบดีไว้ได้เป็นสมัยที่ 2 พร้อมเดินหน้าสานต่องานทันที

การเลือกตั้งรอบที่ 2 เมื่อวันอาทิตย์ มาครงได้รับคะแนนเสียงไป 58% ขณะที่มารีน เลอ เปน ได้คะแนนไปเพียง 42% ซึ่งเป็นไปตามคาดการณ์ของหลายฝ่าย ทั้งผลโพล, ผู้เชี่ยวชาญ และนักวิเคราะห์ โดยผลคะแนนอย่างเป็นทางการจะประกาศในวันจันทร์

ในการกล่าวสุนทรพจน์หลังได้รับชัยชนะที่ช็องเดอมาร์ส สวนสาธารณะขนาดใหญ่ใจกลางกรุงปารีสที่ตั้งของหอไอเฟล มาครงให้คำมั่นว่าจะสานต่องานที่ยังคั่งค้างไว้ให้สำเร็จ รวมทั้งเป้าหมายในการปฎิรูปฝรั่งเศสและการคงอยู่ในสหภาพยุโรป

ทางฝั่งผู้แพ้ มารีน เลอ เปน วัย 53 ปี กล่าวปราศรัยต่อผู้สนับสนุนในกรุงปารีสเช่นกัน ซึ่งเธอยอมรับผลการเลือกตั้ง แต่ไม่แสดงสัญญาณว่าจะเลิกเล่นการเมือง แม้ว่านี่จะเป็นความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งที่สามของเธอแล้วก็ตาม และกล่าวว่าเธอจะไม่มีวันทอดทิ้งชาวฝรั่งเศส และกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้

ชัยชนะของมาครงถือเป็นข่าวดีของชาติยุโรปทั้งหลายที่สนับสนุนแนวทางของเขา มากกว่าเลอเปนที่อาจสร้างปัญหาให้กับสหภาพยุโรปได้ จากความพยายามจะนำฝรั่งเศสออกจากอียู

จากการสำรวจโดยองค์กรสำรวจความคิดเห็น ประมาณการว่าการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสในครั้งนี้ มีผู้มาลงคะแนนเสียงเลือกตั้งเพียง 72% ซึ่งเป็นตัวเลขต่ำที่สุดของการเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบที่ 2 นับตั้งแต่ปี 2512 อีกทั้งในจำนวน 72% มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งกว่า 6.4% ไม่ลงคะแนนเสียงให้ผู้สมัครทั้งสอง.

เพิ่มเพื่อน