เฟรดดี เมอร์คิวรี ตำนานร็อกชั่วนิรันดร์ที่เกาะเชจู

เปิดตัวรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ขนาดเท่าตัวจริงของ เฟรดดี เมอร์คิวรี ตำนานนักร้องร็อกแห่งวงควีน ที่เกาะเชจู สถานตากอากาศชื่อดังของเกาหลีใต้ หลังกระบวนการก่อสร้างนานกว่า 8 ปี เพื่อเป็นเกียรติแก่ศิลปินผู้ล่วงลับซึ่งยังคงอยู่ในใจแฟนเพลงทั่วโลก

คิม พัน-จุน (ขวา) ประธานแฟนคลับของวงควีนในเกาหลีใต้ โพสท่าขณะสวมหน้ากากเฟรดดี เมอร์คิวรี ยืนข้างรูปปั้นขนาดเท่าตัวจริงของ เฟรดดี เมอร์คิวรี นักร้องนำผู้ล่วงลับของวงควีน นอกร้านอาหารแห่งหนึ่งบนชายฝั่งทางเหนือของเกาะเชจู เมื่อวันที่ 21 เมษายน (Photo by ANTHONY WALLACE / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน 2565 กล่าวว่า แบ็ค ซุน-ย็อบ วัย 57 ปี นักธุรกิจชาวเชจูและแฟนพันธุ์แท้ของวงดนตรีร็อคอังกฤษควีน (Queen) ใช้เงินกว่า 50 ล้านวอน (ราว 1.35 ล้านบาท) ในการสร้างรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ของ เฟรดดี เมอร์คิวรี ที่มีความสูง 177 ซม. ซึ่งเป็นขนาดเท่าตัวจริง

วงควีนได้รับความนิยมอย่างมากในเกาหลีใต้ โดยเฉพาะชื่อเสียงความสามารถของ เฟรดดี เมอร์คิวรี นักร้องนำของวง เจ้าของเพลงดังอย่าง "We Are the Champions" และอีกมากมายจนกลายเป็นตำนาน ก่อนจากโลกนี้ไปในวัย 45 ปี ด้วยโรคแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับโรคเอดส์ในปี 2534

ดนตรีของควีนเคยเป็นสิ่งต้องห้ามในเกาหลีใต้ช่วงปี 2513 ภายใต้การปกครองแบบเผด็จการทหารของอดีตประธานาธิบดี ปาร์ค จุงฮี ซึ่งเป็นยุคที่ผู้ชายถูกห้ามไม่ให้ไว้ผมยาว

แบ็ค ซุน-ย็อบ ซึ่งชื่นชอบในดนตรีของควีน รวมถึงได้รับแรงบันดาลใจเป็นอย่างมากจาก เฟรดดี เมอร์คิวรี กล่าวกับเอเอฟพีว่า เพลงของเมอร์คิวรีทำให้เขามีกำลังใจที่จะก้าวต่อไปในชีวิตแม้จะมีอุปสรรคมากมายระหว่างทาง และเสริมว่า เขาทุ่มเทหัวใจเป็นเวลากว่า 8 ปีเพื่อสร้างรูปปั้นขึ้นมาเป็นอนุสรณ์ในการระลึกถึงนักร้องที่เขาบูชา

“ผมเริ่มส่งอีเมลถึงบริษัทต้นสังกัดของวงควีนในปี 2557 เพื่อขออนุญาตสร้างรูปปั้นของเมอร์คิวรี” แบ็คกล่าว

เขาเพียรพยายามเขียนอีเมลส่งไปทุกเดือนแต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับเป็นเวลากว่า 7 ปี ก่อนที่ช่วงต้นปี 2563 คำขอของเขาก็ได้รับการตอบรับในที่สุด โดยสมาชิกปัจจุบันของวงควีนและเจ้าหน้าที่จากต้นสังกัดมาพบกับเขาในกรุงโซล ก่อนวงควีนจะจัดคอนเสิร์ตเป็นครั้งแรกที่เกาหลีใต้ ซึ่งเป็นดินแดนแห่งดนตรีเคป๊อบในปัจจุบัน

การเดินทางมาจัดคอนเสิร์ตที่เกาหลีใต้นั้น เป็นผลพวงมาจากการที่ดินแดนแห่งนี้แสดงความรักอย่างแรงกล้าที่มีต่อวงควีน ผ่านการชมภาพยนตร์ชีวประวัติเรื่อง "Bohemian Rhapsody" ที่ได้รับรางวัลออสการ์ในปี 2561 และนำแสดงโดยรามี มาเลก

เกาหลีใต้มีประชากรราว 51 ล้านคน และกว่า 10 ล้านคน หรือ 1 ใน 5 ของประชากรทั้งประเทศ ได้เข้าชมภาพยนตร์เรื่องนี้ จนทำรายได้ไปกว่า 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2,370 ล้านบาท) และติดอันดับบ็อกซ์ออฟฟิศเป็นเวลาหลายสัปดาห์

หลังจากได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างอย่างเป็นทางการในปี 2563 และแม้ว่าควีนจะได้รับความนิยมในเกาหลีใต้ก็ตาม แต่แบ็คต้องเผชิญกับการประท้วงเกี่ยวกับงานสร้างของเขา โดยผู้คนตำหนิว่าเขากำลังสร้าง "รูปปั้นคนรักร่วมเพศ" โดยอ้างอิงบทบาทของนักแสดงชายในภาพยนตร์ที่เข้าฉากจูบกับนักแสดงชายอีกคน ก่อนที่แบ็คจะอดทนฟันฝ่าทุกอุปสรรคจนรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ขนาดเท่าตัวจริงของ เฟรดดี เมอร์คิวรี ได้เปิดตัวอย่างสง่างามบนชายฝั่งทะเลแห่งหนึ่งบนเกาะเชจู ซึ่งสถานที่นี้จะเป็นทั้งอนุสรณ์สถานและแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่

บรรดาแฟนเพลงของวงควีนในเกาหลีใต้ ต่างเดินทางมาร่วมพิธีเปิดรูปปั้นเมื่อวันพฤหัสบดี ในขณะที่สมาชิกวงควีนในปัจจุบันก็ส่งคำยินดีมาร่วมในพิธีเปิดครั้งนี้ด้วยเช่นกัน และหวังว่าเฟรดดี เมอร์คิวรี ที่อยู่บนฟากฟ้า จะมองลงมาเห็นและรับรู้ได้ว่ายังมีคนที่รักและคิดถึงเขาอยู่อีกมากมาย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดร.ณัฏฐ์-นักกม.มหาชน ชี้ 'กฎอัยการศึก' สส.ไทยไม่สามารถยกเลิกได้ แตกต่างจากเกาหลีใต้

“ดร.ณัฏฐ์” มือกฎหมายมหาชน เผย กฎอัยการศึกสถานะเป็นพระราชบัญญัติ การยกเลิกในประเทศเกาหลีใต้กระทำโดยมติสภา แตกต่างจากประเทศไทย สส.ตัวแทนประชาชน ไม่สามารถยับยั้งยกเลิกได้ 

อดีตบิ๊กข่าวกรองยก 'เกาหลีใต้โมเดล' หากไม่อยากมีรัฐประหาร การเมืองต้องสะอาด!

นายนันทิวัฒน์ สามารถอดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่อง ”เกาหลีใต้โมเดล“ ระบุว่าค่ำคืนที่ผ่านมาเกาหลีใต้ประกาศใช้กฏอัยการศึก เหตุผลที่ประธานาธิบดีชี้แจงคือ

'รังสิมันต์' สบช่องโหนแดนกิมจิบอกไทยถ้าประกาศกฎอัยการศึกควรขอสภาก่อน!

'โรม' บอกเรื่องเกาหลีใต้ประกาศกฎอัยการศึก เป็นเรื่องภายในประเทศ มองเทียบไทยถ้าประกาศควรขอความเห็นสภา ชี้หลักการสำคัญทั่วโลก ทหารต้องอยู่ใต้พลเรือน

​'เอกนัฏ' ​ไม่กล้าคอมเมนต์ปม​เกาหลีใต้

'เอกนัฏ'​ ไม่ขอลงความเห็นปม​เกาหลีใต้ ประกาศกฎอัยการศึก​ หวั่นกระทบความสัมพันธ์​ระหว่าง​ประเทศ​ บอก​ คิดอย่างเดียวทำอย่างไรให้เป็นโอกาสของประเทศไทยมากกว่า