ผู้นำโปแลนด์-ลิทัวเนีย-เอสโตเนีย-ลัตเวีย เยือนยูเครนจับมือเซเลนสกี

ผู้นำโปแลนด์และอีก 3 ชาติจากรัฐบอลติก ลงทุนนั่งรถไฟมาเยือนเคียฟเพื่อพบปะกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี และแสดงความเป็นพันธมิตรในการหารือสถานการณ์สู้รบที่ยังไม่มีทีท่าจะสิ้นสุด

ประธานาธิบดีกีตานาส เนาเซดา ของลิทัวเนีย (ซ้าย), ประธานาธิบดีอันแชย์ ดูดา ของโปแลนด์, ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน (กลาง), ประธานาธิบดีเอกิลส์ เลวิตส์ ของลัตเวีย และประธานาธิบดีกายา กัลลัส ของเอสโตเนีย (ขวา) ร่วมถ่ายภาพระหว่างการเยือนยูเครน เพื่อแสดงความเป็นพันธมิตรและหารือในประเด็นการสู้รบกับรัสเซีย เมื่อวันที่ 13 เมษายน ถ่ายภาพและเผยแพร่โดยสำนักประชาสัมพันธ์ของประธานาธิบดียูเครน (Photo by Handout / UKRAINIAN PRESIDENTIAL PRESS SERVICE / AFP)

เอเอฟพีรายงานจากกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 14 เมษายน 2565 กล่าวว่า บรรดาผู้นำจาก 4 ชาติยุโรป เดินทางพร้อมกันด้วยรถไฟจากโปแลนด์เพื่อมาพบกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนอย่างเป็นทางการ หลังการรุนรานของรัสเซีย

ประธานาธิบดีอันแชย์ ดูดา ของโปแลนด์, ประธานาธิบดีกีตานาส เนาเซดา ของลิทัวเนีย, ประธานาธิบดีกายา กัลลัส ของเอสโตเนีย และประธานาธิบดีเอกิลส์ เลวิตส์ ของลัตเวีย นัดพบปะกันในโปแลนด์ และเดินทางพร้อมกันด้วยรถไฟ เพื่อมายังกรุงเคียฟและพบปะกับเซเลนสกี ในการหารือความร่วมมือในสถานการณ์สู้รบกับรัสเซีย เฉกเช่นผู้นำจากชาติอื่นๆที่เคยมาเยือนก่อนหน้านี้

ผู้นำทั้ง 4 ชาติได้มีโอกาสผ่านหลายๆเมืองในยูเครน ได้เห็นสภาพประเทศและผู้คนที่ต้องเผชิญในภาวะสงคราม และบรรยายภาพที่เห็นเหล่านั้นว่า "เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและทุกข์ทรมาน" โดยประธานาธิบดีเนาเซดา ของลิทัวเนีย กล่าวในแถลงการณ์ว่า “เป็นเรื่องยากที่จะเชื่อว่าความโหดร้ายในสงครามเช่นนี้กำลังเกิดขึ้นในยุโรปศตวรรษที่ 21 แต่นั่นคือความจริง นี่คือสงครามที่เราต้องชนะ” และเสริมอีกว่า “สถานที่นี้เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมาน พลเรือนชาวยูเครนถูกสังหารและทรมานที่นี่ บ้านพักอาศัยและโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือนอื่นๆ ถูกระเบิดทำลายอย่างไม่มีชิ้นดี”

หลังผู้นำจาก 5 ชาติได้ร่วมประชุมพร้อมกัน ไม่ได้มีการเปิดเผยผลการหารือ แต่ที่ปรึกษาประธานาธิบดีโปแลนด์ ยาคอบ คูมอค เป็นตัวแทนออกมากล่าวในแถลงการณ์ว่า “เป้าหมายของการมาเยือนครั้งนี้คือการแสดงการสนับสนุนประธานาธิบดีเซเลนสกีและบรรดาผู้ปกป้องยูเครน ในช่วงเวลาที่ตึงเครียดของประเทศนี้”.