ยูเครนโทษรัสเซียถล่มโรงเรียนมีพลเรือนหลบภัยอยู่ 400 คน

ทางการยูเครนกล่าวโทษว่ารัสเซียระเบิดถล่มโรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองมาริอูโปลที่มีพลเรือนทั้งเด็กสตรีและคนชราหลบภัยอยู่ราว 400 คนเมื่อวันอาทิตย์ "เซเลนสกี" ซัดรัสเซียก่ออาชญากรรมสงครามจากการโอบล้อมโจมตีเมืองท่าแห่งนี้ รัสเซียใช้มิสไซล์ไฮเปอร์โซนิกโจมตีเป้าหมายในยูเครนอีกเป็นครั้งที่ 2

ภาพถ่ายหน้าจอวิดีโอ ขณะประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แถลงเมื่อคืนวันเสาร์ที่ 19 มี.ค. 2565 (Photo by Handout / UKRAINIAN PRESIDENTIAL PRESS SERVICE / AFP)

เอเอฟพีรายงานเมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม 2565 อ้างคำแถลงของสภาเมืองมาริอูโปล เมืองท่าในภาคตะวันออกเฉียงใต้ที่รัสเซียล้อมโจมตีมานานหลายสัปดาห์และบุกเข้าเมืองได้เมื่อวันเสาร์ ว่ารัสเซียโจมตีโรงเรียนศิลปะหมายเลข 12 ที่อยู่ทางตอนเหนือของเมืองนี้ และมีผู้หญิง เด็ก และคนชรา หลบภัยอยู่ประมาณ 400 คน อาคารโรงเรียนหลังนี้ถูกทำลายและ "พลเรือนที่รักสงบยังคงติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง"

เมื่อวันพุธที่แล้ว ยูเครนก็กล่าวโทษว่ารัสเซียยิงมิสไซล์ถล่มโรงละครในเมืองนี้ ที่ซึ่งชาวเมืองมากกว่า 1,000 คน โดยเฉพาะผู้หญิงและเด็ก ใช้เป็นที่หลบภัย สภาเมืองกล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า ปฏิบัติการค้นหากู้ชีพพบคนบาดเจ็บสาหัส 1 คนจากเหตุการณ์นี้ แต่ยังไม่พบคนเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความชัดเจนว่ามีคนติดอยู่ในห้องหลบภัยใต้ดินของอาคารจำนวนเท่าใด ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี บอกว่า มีคนได้รับการช่วยชีวิตออกมาได้ 130 คน บางคนบาดเจ็บหนัก

เซเลนสกีกล่าวในวิดีโอแถลงการณ์เมื่อคืนวันเสาร์ว่า การล้อมโจมตีเมืองมาริอูโปลจะถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของความรับผิดชอบต่ออาชญากรรมสงคราม "การทำแบบนี้่ต่อเมืองที่สงบสุขเป็นการก่อการร้ายที่จะถูกจดจำไปอีกหลายศตวรรษ" ผู้นำยูเครนกล่าว

สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า นับตั้งแต่รัสเซียรุกรานยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ถึงขณะนี้มีชาวยูเครนพลัดถิ่นฐานบ้านเรือนแล้ว 10 ล้านคน หรือเกิน 1 ใน 4 ของประชากร โดย 3,389,044 คน หนีภัยออกนอกประเทศ ราว 90% เป็นผู้หญิงและเด็ก ผู้ชายยูเครนที่อายุ 18-60 ปีถูกเกณฑ์เป็นทหารจึงไม่สามารถออกไปได้

องค์การยูนิเซฟกล่าวว่า มีเด็กมากกว่า 1.5 ล้านคนอยู่ในกลุ่มผู้ลี้ภัยออกนอกประเทศ ส่วนองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (ไอโอเอ็ม) กล่าวว่า ถึงวันพุธที่ผ่านมา มีบุคคลสัญชาติอื่นหนีออกจากยูเครนเข้าประเทศเพื่อนบ้านแล้ว 162,000 คน

ขณะเดียวกัน รอยเตอร์อ้างข้อมูลจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนของยูเอ็น (โอเอชซีเอชอาร์) เมื่อวันเสาร์ว่า นับถึงวันศุกร์ที่ 18 มีนาคม มีพลเรือนสังเวยชีวิตแล้วอย่างน้อย 847 คน รวมถึง 112 คน และบาดเจ็บ 1,399 คน แต่เชื่อว่าจำนวนที่แท้จริงสูงกว่านี้มาก ผู้บาดเจ็บล้มตายส่วนใหญ่เกิดจากระเบิดเช่นที่ยิงจากปืนใหญ่และเครื่องยิงจรวดแบบหลายลำกล้อง, มิสไซล์ และการโจมตีทางอากาศ

เมื่อวันเสาร์ กระทรวงกลาโหมรัสเซียยืนยันว่า มีการใช้มิสไซล์ไฮเปอร์โซนิก "คินซาห์ล" เป็นครั้งแรกในยูเครน โดยใช้ทำลายคลังมิสไซล์ของยูเครนในแคว้นอีวาโน-ฟรานคิฟส์ ทางภาคตะวันตกที่มีพรมแดนติดกับโรมาเนียเมื่อวันศุกร์ นักวิเคราะห์กล่าวกันว่า การโจมตีครั้งนี้เป็นการใช้อาวุธไฮเปอร์โซนิกในสมรภูมิเป็นครั้งแรกในโลก

ต่อมาในวันอาทิตย์ กระทรวงแถลงอีกครั้งว่า มิสไซล์คินซาห์ลถูกนำมาใช้อีกครั้งเพื่อทำลายคลังเก็บเชื้อเพลิงของยูเครนในแคว้นไมโคเลียฟทางภาคใต้

คำแถลงยังกล่าวด้วยว่า สามารถสังหารหน่วยปฏิบัติการพิเศษของยูเครนและทหารรับจ้างชาวต่างชาติมากกว่า 100 คน จากการโจมตีศูนย์ฝึกทหารในเมืองออฟรุคทางภาคเหนือเมื่อวันศุกร์ โดยใช้มิสไซล์ที่ยิงมาจากทะเล.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หน่วยข่าวกรองทหารของยูเครนเผย เคยมีแผนลอบสังหาร ‘ปูติน’ หลายครั้งแล้ว

ตามรายงานข่าวกรองทางทหารของยูเครน พบว่ามีการพยายามลอบสังหารประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียหลายครั้งแล้ว “แต่อย่างที่คุณเห็น พวกเขาทำไม่สำเร็จ” นายพลคิริโล บูดานอฟ-หัวหน้าหน่วยข่าวกรองทหาร กล่า