แนวรบขยับเข้าใกล้นาโต เครื่องบินรบรัสเซียโจมตีทางอากาศถล่มฐานฝึกทหารของยูเครนนอกเมืองลวิฟทางภาคตะวันตกของยูเครน ห่างชายแดนโปแลนด์ราว 20 กม. เมื่อวันอาทิตย์ เบื้องต้นมีคนเสียชีวิตอย่างน้อย 35 คน บาดเจ็บมากกว่า 130 คน
เอเอฟพีและรอยเตอร์รายงานเมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม 2565 อ้างการเปิดเผยของแม็กซิม โคซิตสกี ผู้ว่าการแคว้นลวิฟ ผ่านเพจเฟซบุ๊กของเขาในวันเดียวกันว่า เครื่องบินรบรัสเซียหลายลำจากทะเลดำและทะเลอาซอฟ ยิงมิสไซล์ประมาณ 30 ลูก โจมตีศูนย์รักษาสันติภาพและความมั่นคงนานาชาติในเมืองยาโวริฟของแคว้นนี้ตลอดคืนที่ผ่านมา แต่จรวดบางลูกโดนสกัดไว้
รายงานเบื้องต้นกล่าวว่ามีผู้เสียชีวิต 9 คน และบาดเจ็บมากกว่า 50 คน แต่เวลาต่อมา โคซิตสกีกล่าวผ่านเทเลแกรมว่า โชคร้ายที่ยูเครนต้องสูญเสียวีรบุรุษเพิ่มอีก 35 คน และมีคนบาดเจ็บ 134 คน รักษาอยู่ในโรงพยาบาลทหาร แต่เขากล่าวว่ายังจะมีการปรับปรุงข้อมูลเพิ่มเติมอีก
ฐานทัพขนาด 360 ตารางกิโลเมตรแห่งนี้อยู่ห่างจากเมืองยาโวริฟทางตะวันตกเฉียงเหนือ ราว 40 กิโลเมตร แต่อยู่ห่างแค่ราว 20 กิโลเมตรจากชายแดนโปแลนด์ ที่เป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) และนาโต ฐานแห่งนี้มักใช้เป็นฐานฝึกซ้อมทางทหารระหว่างยูเครนกับนาโต ซึ่งยูเครนไม่ได้เป็นสมาชิก ครั้งล่าสุดที่ยูเครนและนาโตซ้อมรบที่นี่คือเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว
โอเล็กซี เรซนิคอฟ รัฐมนตรีกลาโหมของยูเครน เปิดเผยผ่านออนไลน์ว่า ครูฝึกชาวต่างชาติเคยทำงานที่นี่ แต่เขาไม่ได้ระบุว่ายังมีครูฝึกต่างชาติอยู่ที่นั่นเวลานั้นหรือไม่
ทหารยูเครนจัดการซ้อมรบที่นั่นไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้าที่รัสเซียจะเปิดฉากบุกเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ แต่สื่อยูเครนรายงานว่า ทหารและครูฝึกชาวต่างชาติทั้งหมดเดินทางออกไปไม่นานก่อนที่รัสเซียจะรุกราน แต่ได้ทิ้งยุทโธปกรณ์ทั้งหมดไว้
เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ สหรัฐเคยเปิดเผยว่า ได้ถอนครูฝึกทหาร 150 นายออกจากยูเครน
เรซนิคอฟประณามการถล่มทางอากาศของรัสเซียว่าเป็นการก่อการร้ายครั้งใหม่ต่อสันติภาพและความมั่นคงใกล้กับชายแดนอียูและนาโต เขายังเรียกร้องอีกครั้งให้กำหนดเขตห้ามบิน "ต้องมีการดำเนินการเพื่อหยุดสิ่งนี้ ปิดน่านฟ้าซะ" เขาเขียนลงเทเลแกรม
ที่เมืองอีวาโน-ฟรันคิฟสค์ในภาคตะวันตก รุสลาน มาร์ตซินคิฟ นายกเทศมนตรี เผยว่า ทหารรัสเซียโจมตีสนามบินที่นั่นอีกเมื่อเช้าวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นครั้งที่ 3 แล้วที่ฟรันคิฟสต์โดนโจมตี แต่ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บล้มตาย
สำนักข่าวหลายแห่งของรัสเซียอ้างคำแถลงของกระทรวงกลาโหมรัสเซียเมื่อวันอาทิตย์ว่า ทหารรัสเซียทำลายสิ่งอำนวยความสะดวกที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานทางทหารของยูเครนแล้ว 3,687 แห่ง
มีความกังวลด้วยว่า กองทัพรัสเซียกำลังรุกคืบหน้ามากจนใกล้จะโอบล้อมกรุงเคียฟได้ในอีกไม่นาน ข้อมูลจากกระทรวงกลาโหมอังกฤษเมื่อวันเสาร์ประเมินว่า กำลังทหารรัสเซียอยู่ห่างจากเคียฟประมาณ 25 กิโลเมตร และกำลังทหารที่ตั้งขบวนขนาดใหญ่อยู่ทางทิศเหนือได้สลายขบวนแล้วไปเสริมกำลังพล ซึ่งบ่งชี้ถึงความพยายามที่จะโอบล้อมเมืองหลวง ส่วนในภาคตะวันออก กองกำลังของรัสเซียพยายามโอบล้อมกองกำลังของยูเครนขณะพยายามรุกคืบจากเมืองคาร์คิฟทางเหนือ และเมืองมาริอูโปลทางภาคใต้
สำนักงานของประธานาธิบดียูเครนกล่าวว่า ตอนนี้ในกรุงเคียฟเหลือถนนลงใต้เพียงเส้นเดียวที่ยังเปิดให้ใช้งาน และเคียฟกำลังเตรียมป้องกันเมืองอย่างไม่ลดละ
ที่แคว้นโดเนสตค์ ผู้ว่าการแคว้นนั้นเปิดเผยว่า การระดมยิงอย่างต่อเนื่องทำให้การส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์เข้าสู่เมืองมาริอูโปลทำได้ยาก ภาพถ่ายดาวเทียมเมื่อวันเสาร์โดยบริษัทดาวเทียมเอกชน แม็กซาร์ เผยให้เห็นไฟกำลังลุกไหม้ในพื้นที่ฝั่งตะวันตกของเมือง และอาคารอพาร์ตเมนต์หลายสิบหลังได้รับความเสียหายอย่างหนัก
สภาเมืองมาริอูโปลกล่าวไว้เมื่อวันศุกร์ว่า การระเบิดถล่มเมืองนี้และการปิดล้อมนาน 12 วัน คร่าชีวิตพลเรือนในเมืองนี้แล้วอย่างน้อย 1,582 คน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'หลานม่า' คว้า 2 รางวัล จากเทศกาลภาพยนตร์รัสเซีย
‘หลานม่า’ ภาพยนตร์ จาก GDH ได้รับ 2 รางวัล จากเทศกาลภาพยนตร์ จากรัสเซีย ‘KinoBravo International Film Festival 2024’ ได้แก่ นักแสดงหญิงยอดเยี่ยม (Best Actress) ยายแต๋ว-อุษา เสมคำ นักแสดงนำผู้รับบท อาม่าเหม้งจู รางวัลกำกับภาพยอดเยี่ยม (Best Cinematography) ก๊อย-บุญยนุช ไกรทอง ผู้กำกับภาพ
จับ 'หนุ่มออสเตรีย' ขับเจ็ตสกี ชนนักท่องเที่ยวรัสเซียดับ
เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา สภ.กะรน เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2567 เวลาประมาณ 19.00 น. สถานีตำรวจภูธรกะรน
องค์กรในซีเรียเรียกร้องต่อรัฐบาลรัสเซีย ให้กดดัน 'อัสซาด' เปิดเผยที่ตั้งเรือนจำลับ
องค์กรคุ้มครองพลเรือนซีเรีย ‘หมวกขาว’ เรียกร้องให้มอสโกกดดัน บาชาร์ อัล-อัสซาด ซึ่งมีรายงานว่าได้หลบหนีไปรัสเซีย เปิดเผยสถานที่คุมขั
มอสโกสั่งห้ามรัฐมนตรีอังกฤษเข้าประเทศ และขับนักการทูต
รัสเซียได้ออกคำสั่งห้ามสมาชิกของรัฐบาลอังกฤษเข้าประเทศทั้งคณะ ผู้ที่ได้รับผลกระทบได้แก่ ราเชล รีฟส์-รัฐมนตรี