กลายเป็นไวรัลส่งต่อในหลายๆ กรุ๊ปไลน์ สีกากี กับเสียงวิพากษ์วิจารณ์คำให้สัมภาษณ์ของ โฆษกแรก-พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณี คุณแม่ของ ส.ต.ท.จีรศักดิ์ สมเนตร ผบ.หมู่งานปราบปราม สภ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งป่วยติดเตียงนอนรักษาตัวอยู่ที่บ้าน เขียนจดหมายขอให้ย้ายลูกชายกลับมาอยู่ที่ อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ เพื่อดูแลตนเองที่ป่วย เพราะเป็นลูกชายคนเดียว บอก
"...ที่ผ่านมาเหตุผลเรื่องครอบครัว ทั้งความต้องการเรื่องดูแลครอบครัว พ่อแม่ที่ป่วย ดูแลภรรยาหรือลูกเล็ก เป็นเหตุผลแรกๆ ที่นายตำรวจใช้ยื่นเรื่องโยกย้ายทุกปี จึงไม่สามารถใช้ในการพิจารณาได้ เพราะต้องดูตามความเหมาะสมเรื่องกำลังพลในพื้นที่ด้วย..."
โอ้ๆๆ สีกากีหลายคนถึงกับอุทาน ระดับ โฆษก ตร. ซึ่งเปรียบเสมือนกระบอกเสียงของ ผบ.ตร. ฟันฉับไม่เหลือเยื่อใย ไม่เหลือกำลังใจให้ลูกน้อง แม้จริงอยู่ โฆษกแรก พูดตามหลักการ พูดตามข้อเท็จจริง แต่ก็ทำลายขวัญ ทำลายกำลังใจตำรวจไกลบ้านหลายคนที่กำลังทำเรื่องขอย้ายกลับบ้านไปดูแลครอบครัวให้ใจห่อเหี่ยว หมดแรงทำงาน ไม่รู้ ผบ.ปั๊ด-พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข แม่ทัพใหญ่ ฟังลูกน้องพูดแล้วรู้สึกอย่างไร บิ๊กต่าย-พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าคณะทำงาน สื่อ-สร้าง-สาร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฟังเพื่อนพูดแล้วรู้สึกอย่างไร ๐
ต้องนี่ซิ...ไม่ธรรมดา พ.ต.อ.หงส์พรหม วิศิษฐ์ชนะชัย ผกก.สภ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เรียกตัว ส.ต.ท.จีรศักดิ์ มาพูดคุยให้กำลังใจ ไม่ต้องเครียดเรื่องการย้ายกลับภูมิลำเนาเพื่อไปดูแลครอบครัว บอกเป็นเรื่องที่ผู้บังคับบัญชาทุกฝ่ายเห็นใจและให้ความสำคัญ โดยปัจจุบัน ส.ต.ท.จีรศักดิ์ ทำหน้าที่พลขับร้อยเวร เรื่องของการขอย้ายไป สภ.ยางตลาด, สภ.กมลาไสย หรือ สภ.เมืองกาฬสินธุ์นั้น สภ.หัวหินไม่ได้ขัดข้อง “ได้ทำหนังสือผ่านผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น ตั้งแต่ ผู้บังคับการตำรวจจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ซึ่งเป็นอำนาจของผู้บังคับบัญชา แต่ในคราวเดียวกันก็ได้ขอกำลังพลมาทดแทนกำลังพลที่ย้ายไป สำหรับเหตุผลที่ ส.ต.ท.จีรศักดิ์แจ้งมาคือ ต้องไปดูแลแม่ที่ป่วยติดเตียง ซึ่งในส่วนของ สภ.หัวหินเองก็ได้ลงนามอนุมัติในหนังสือคำสั่งแล้ว เรื่องนี้ถือเป็นความจำเป็นและเป็นเรื่องน่าเห็นใจ ซึ่งได้มีการพูดคุยกับ ส.ต.ท.จีรศักดิ์แล้ว และได้นำภาพของแม่ที่ป่วยมาให้ดู ทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอน ตามลำดับชั้น เป็นอำนาจของผู้บังคับบัญชา การโยกย้ายทั้งระดับประทวนและสัญญาบัตรเป็นวาระประจำปีอยู่แล้ว” สุดยอดได้ใจ ลูกน้อง ได้ใจคนที่รับรู้เรื่องราวนี้ ทั้งที่จริงๆ แล้ว ผกก.โรงพักหัวหิน ก็ไม่ได้ทำอะไรพิเศษมากนัก ทำเหมือนหัวหน้าโรงพักรายอื่นๆ ที่ลูกน้องมาขอย้ายกลับภูมิลำเนาก็เซ็นอนุมัติและขอกำลังสับเปลี่ยนในคราวเดียวกัน แต่กลับได้ใจทุกคน เจ๋งจริงๆ ๐
ส.ต.ท.จีรศักดิ์ จะได้ย้ายสมใจคุณแม่หรือเปล่ายังคงต้องลุ้น ยังคงต้องติดตาม เพราะระดับโรงพักไฟเขียวแล้ว ก็อยู่ที่ พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 กับ พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 จะประสานบัญชีการแต่งตั้งกันลงตัวแค่ไหน เพราะการแต่งตั้งระดับ รอง สว.และ ผบ.หมู่ เป็นอำนาจ ผู้บัญชาการ โดยย้อนไปดูไทม์ไลน์การแต่งตั้งที่ ผบ.ปั๊ด ประกาศเอาไว้นั้น วันที่ 5 ม.ค.65 เสนอบัญชีถึงระดับกองบังคับการ จากนั้นให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาความเห็นเป็นที่ยุติภายในวันที่ 7 ม.ค.65 เสนอคำร้องถึงผู้บัญชาการภายในวันที่ 10 ม.ค.65 โดยบัญชีการแต่งตั้งข้าราชการตํารวจระดับรอง สว.และ ผบ.หมู่ ภายในวันที่ 20 ม.ค.65 และจะต้องดำเนินการจัดทำบัญชีให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ม.ค.65 โดยคำสั่งแต่งตั้งมีผลบังคับใช้พร้อมกันภายใน 7 ก.พ.65 เพื่อเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ตามกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ.2563 ๐
ปรบมือดังๆ ให้ผลงานชิ้นโบแดง ตำรวจ PCT หรือศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ที่ ผบ.ปั๊ด มอบหมายให้ บิ๊กเด่น-พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. เป็นผู้อำนวยการ ศปอส.ตร. พร้อมทีมงานมือฉมัง ทั้ง พล.ต.ท.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.สุคุณ พรหมายน ผบช.ทท., พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.สันติ ชัยนิรามัย รอง ผบช.ก. และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม. โชว์ผลงานกวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยีช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 ทั่วประเทศ จับกุมผู้ต้องหาได้มากกว่า 3,000 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 356 ล้านบาท แบ่งเป็นการหลอกลวงทางออนไลน์ 238 คดี, การหลอกลวงจำหน่ายสินค้าออนไลน์และสินค้าผิดกฎหมาย 335 คดี, การเผยแพร่ข่าวปลอมและคดีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 878 คดี, การล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กหรือสตรีทางอินเทอร์เน็ตและค้ามนุษย์ 194 คดี และการพนันออนไลน์ อาชญากรรมข้ามชาติ และอื่นๆ อีก 1,989 คดี รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 356 ล้านบาท โดยพบเป็นเงินทุนหมุนเวียนที่เกี่ยวกับการพนันออนไลน์ถึง 335 ล้านบาท๐
เป็นอันว่าในการเสนองบประมาณของกองทัพเรือ ในส่วนของเรือดำน้ำลำที่ 2-3 ต้องชะลอไปก่อนตามเจตนารมณ์ของ บิ๊กเฒ่า-พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ที่เข้าใจในสถานการณ์ของประเทศต้องรับมือกับสถานการณ์โควิดระลอกแล้วระลอกเล่า และเห็นใจ บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ในฐานะ รมว.กลาโหม ที่ต้องเผชิญหน้ากับกระแสสังคมและการเมือง แต่เหนืออื่นใดคือ “บทเรียน” ของการเสนองบประมาณในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา กองทัพเรือถูกตัดงบฯ เรือดำน้ำระหว่างการพิจารณาของ คณะกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ที่ ส.ส.หั่นไปรวมยอดแล้วก็ประมาณ 8 พันล้านบาท ในขณะเดียวกันก็กลับมาก้มหน้าก้มตาเกลี่ยงบฯ ของตนเอง เพื่อใช้ดำรงความพร้อมด้านกำลังรบแบบตัวลีบ ด้วยสถานการณ์โดยรวมจากความตึงตัวในตารางใช้จ่ายงบฯ ผูกพันรายโครงการใหญ่ด้วย ถ้าขืนเสนอไปใหม่ตามหน้าที่ กองทัพเรือก็ต้องเสีย “งบฯ ตกน้ำ” ไปเปล่าๆ โดยไม่ได้นำมาใช้เพื่อปรับปรุงยุทโธปกรณ์ที่มีอยู่ให้สมบูรณ์กว่าที่เป็นอยู่ ๐
ยังไม่มีผลสอบสวนของ ทบ. หลังจากมีนักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์กล่าวอ้างว่า มีทหารเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเลือกตั้งซ่อม จ.ชุมพร โดยพาดพิง เสธ.ต. เป็นผู้ส่งลูกน้องลงพื้นที่มาร์กตัวกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน แม้ทุกสายตาเพ่งมองไปที่นายทหาร “ต.” แคนดิเดตแม่ทัพภาคที่ 4 คนต่อไป แต่ข้อสงสัยก็ถูกคลี่คลาย จากคำยืนยันของ พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ว่าไม่มีทหารในพื้นที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับมีรายงานข่าวตามออกมาว่า นายทหารอักษร ต.นั้นไม่ได้อยู่ภาคใต้ แต่เป็น เสธ.ต.นอกพื้นที่ที่รับงานพิเศษ ต้นสังกัดอยู่หน่วยในภาคอีสาน แต่เมื่อเป็นการกล่าวอ้างด้วยคำพูด ไม่มีหลักฐานยืนยัน ทำให้ พล.ท.สวราชย์ แสงผล แม่ทัพภาคที่ 2 ยังไม่ได้มีการสอบสวนใคร และยังไม่มีสัญญาณใดๆ จากหน่วยเหนือให้แอกชันเรื่องนี้ และหากเป็น เสธ.ต.คนดังลูกน้องเก่าอดีตแม่ทัพภาคที่ 2 มีความใกล้ชิดแนบแน่นกับนักการเมืองที่พรรคการเมืองมอบหมายให้คุมพื้นที่ในจังหวัดนั้น คงเป็นเรื่อง กลืนไม่เข้า-คายไม่ออก ทั้งตัว พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. และแม่ทัพภาคที่ 2 คนปัจจุบัน ที่ไม่ได้อยู่ในวังวน-เครือข่ายนี้เหมือนผู้บังคับบัญชาในอดีต ๐
ทำพิธีรับ-ส่งหน้าที่ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (ผอ.สทป.) ไปเรียบร้อย เมื่อวันที่ 4 มกราคมที่ผ่านมา ระหว่าง พล.อ.อ. ดร.ปรีชา ประดับมุข กับ ผบ. พล.อ.ชูชาติ บัวขาว ผอ.สทป.คนใหม่ หลังจากคณะกรรมการ สทป.มีมติคัดเลือกเมื่อวันที่ 3 มกราคม โดยเจ้าตัวกล่าวว่า “จะปฏิบัติหน้าที่เต็มกำลังความสามารถ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กร และจะขับเคลื่อน สทป.ในการดำเนินงานด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ เพื่อให้เป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมป้องกันประเทศในภูมิภาค" สำหรับ “บิ๊กชู” แล้วเป็นเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 20 ของ พล.อ.วรเกียรติ รัตนานนท์ ปลัดกระทรวงกลาโหมคนปัจจุบัน พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ รองเลขาธิการพระราชวัง ด้วยความรู้ ความสามารถ เส้นทางรับราชการที่เติบโตมาทางสายงานยุทธการมาตลอด น่าจะได้ขึ้นเป็นปลัดกระทรวงกลาโหม หรือผู้บัญชาการทหารสูงสุด แต่ด้วยจังหวะเวลา ชะตาชีวิต เลยมาเกษียณอายุราชการที่ตำแหน่งรองปลัดกระทรวงกลาโหม ก่อนที่จะได้เข้ามาเป็นผู้บริหารสูงสุดของ สทป. หรือดีทีไอ รัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงกลาโหม หลังเกษียณในปีนี้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ลัคนาตุลกับเค้าโครงชีวิตปี2568
ยังอยู่ในช่วงเจ็ดปีที่มีระยะแตกแยกพี่น้อง หรือเพื่อนสนิท หรือยุ่งยากมรดก-การเงิน
เช็ก 41 รายชื่อแต่งตั้งนายพลสีกากี ระดับ รองผบ.ตร.-ผบช. วาระประจำปี 2567
การประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่มีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเมื่อวันที่ 21 พ.ย.2567 ได้มีมติเห็นชอบบัญชีรายชื่อแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ
'บิ๊กต่าย' สั่งสอบ 'พ.ต.ต.' อาจารย์โรงเรียนนายร้อยตำรวจ กระทำอนาจาร
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยกรณีเพจดังเผยแพร่ข้อมูลระบุว่า มีนักเรียนนายร้อยตำรวจ ถูกอาจารย์ของโรงเรียนนายร้อยตำรวจ และสารวัตร (สอบสวน) สังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล
เคาะแล้ว! ก.ตร. แต่งตั้ง รองผบ.ตร.-ผบช. 'สยาม บุญสม' ม้ามืดผงาดนครบาล
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 10/2567 โดยวาระสำคัญ คือวาระที่ 4 เรื่องที่ 4 การคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ วาระประจำปี 2567 ระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ถึงผู้บัญชาการ (ผบช.) เป็นการใช้ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 เป็นครั้งแรก
นายกฯ ถึงไทย ‘บิ๊กต่าย’ เข้ารายงานปมร้อน จัดโผแต่งตั้ง รองผบ.ตร- ผบช. 20 พ.ย.นี้
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้เข้ารายงานนายกฯถึงการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่10/2567 ในวันที่ 20 พ.ย.นี้ เวลา 14.30 น.
ตำรวจกองปราบ หิ้ว ‘เจ๊พัช’ ตบทรัพย์ดิไอคอน ฝากขังศาลทุจริตฯ พร้อมค้านประกัน
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวน.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ หรือ เจ๊พัช ประธานอำนวยการศูนย์ประสานงานส่งเสริมเครือข่าย-ออนไลน์ ผู้ต้องหาในข้อหา กรรโชกทรัพย์ และการเรียกรับสินบน