'สุวัจน์' ย้ายรูปปั้น 'น้าชาติ' มาโคราช ปลุกขวัญ 'ชพน.' สู้ศึกเลือกตั้ง

‘สุวัจน์’ เตรียมย้ายรูปปั้น ‘น้าชาติ’ มาโคราช ปลุกขวัญสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า โนคอมเมนต์ ‘ภท.’ ประกาศยึด 16 ที่นั่งยกจังหวัด ไม่หวั่นแลนด์สไลด์เพื่อไทย

15 ก.ค. 2565 – ที่อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา อดีตรองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจและการเมือง เดินทางไปกราบสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี(คุณย่าโม) สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองที่ชาวโคราชและชาวไทยเคารพนับถือกราบไหว้ขอพร เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนเดินพบปะทักทายเยี่ยมเยียนพี่น้องประชาชนจังหวัดนครราชสีมา ในขณะมาร่วมงานประเพณีเข้าพรรษา โดยได้สอบถามเก็บรวบรวมข้อมูลเรื่องการทำมาค้าขายการทำอาชีพความเป็นอยู่และความเดือดร้อนในยุคเศรษฐกิจข้าวของแพง การปรับขึ้นราคาน้ำมัน แก๊ส ค่าไฟฟ้า ค่าครองชีพ สินค้าอุปโภคบริโภค

โดยมีนายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา และส.ส.บัญชีรายชื่อ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขต 1 อำเภอเมืองนครราชสีมา ฐานเสียงสำคัญของพรรค, นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ที่ปรึกษาพรรค, นายวัชรพล โตมรศักดิ์ ส.ส.นครราชสีมา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 อำเภอเมือง, นายวีระวัฒน์ มิตรสูงเนิน ว่าที่ผู้สมัครของพรรค เขต 3 อำเภอสูงเนิน อดีตประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครราชสีมา และ นายไกรฤกษ์ เสียนขุนทด อดีตสมาชิก อบจ.นครราชสีมา เขตอำเภอด่านขุนทด ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค ในพื้นที่อำเภอด่านขุนทด ร่วมพบปะพี่น้องประชาชนด้วย

นายสุวัจน์ ให้สัมภาษณ์ถึงการเมืองที่กำลังร้อนแรง โดยเฉพาะการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่จำนวนเสียงของรัฐบาลปริ่มน้ำ ว่า เรื่องอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นเรื่องที่ฝ่ายค้านก็ต้องทำหน้าที่ในการตรวจสอบรัฐบาล และรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายฯ ต้องพยายามชี้แจงกันไป ฉะนั้นขึ้นอยู่กับจำนวนเสียงในสภาฯ ประกอบกับข้อเท็จจริงที่จะมีการพูดคุยกันในสภาฯ เป็นองค์ประกอบด้วย ซึ่งถ้าเกิดรัฐบาลยังสามารถควบคุมเสียงส่วนใหญ่ได้ หมายความว่าควบคุมเสียงส่วนใหญ่ที่มีเสียงมากกว่าฝ่ายค้านหรือมีมากกว่ากึ่งหนึ่งได้ รัฐบาลก็ยังอยู่ในโซนที่ว่าค่อนข้างปลอดภัย อันนั้นโดยพื้นฐาน แต่คงต้องดูผลของการอภิปรายประกอบด้วยว่าเนื้อหาสาระหรือประเด็นต่างๆ ที่มีการพูดคุยกันในสภาฯ สามารถชี้แจงได้ดีหรือไม่ หากชี้แจงได้ดี ทำความเข้าใจที่ดีต่อประเด็นต่างๆ ที่ค้านเขาซักถามและรัฐบาลก็ยังมีเสถียรภาพที่ดีอยู่ อย่างนี้ตนคิดว่ารัฐบาลเองก็ไม่น่าที่จะมีอะไรหนักใจ แต่ถ้าเกิดว่าการชี้แจงยังคลุมเครือหรือว่าไม่ชัดเจน หรือมีข้อมูลอะไรต่างๆ ที่ยังเป็นที่กังวลใจกันอยู่ ซึ่งบรรยากาศต่างๆ ตรงนี้ตนคิดว่าวันนี้คงยังตอบไม่ได้ คงต้องดูการอภิปรายในสภา แต่ถ้าเกิดว่ารัฐบาลยังมีพื้นฐานของการควบคุมเสียงส่วนใหญ่เอาไว้ได้มันก็ทำให้เกิดเสถียรภาพได้พอสมควรในขณะนี้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นตนคิดว่ามันก็ขึ้นอยู่กับเนื้อหาของการอภิปรายในช่วงที่มีการไม่ไว้วางใจ ทุกพรรคการเมืองก็คงดูบรรยากาศในวันนั้น

เมื่อถามว่า พรรคเศรษฐกิจไทยออกจากรัฐบาลไปร่วมกับฝ่ายค้าน บวกกับกลุ่ม 16 จะเป็นปัญหาใหญ่กระทบจำนวนเสียงของรัฐบาลหรือไม่ นายสุวัจน์ กล่าวว่า อันนี้ต้องยอมรับว่ารัฐบาลต้องพยายามอย่างยิ่งในการที่จะทำความเข้าใจกับองค์ประกอบกับทุกพรรคการเมืองที่เป็นพรรครัฐบาลว่าจะที่จะดูแลจำนวนเสียงต่างๆ ให้เรียบร้อย เป็นเรื่องของรัฐบาลในการที่จะทำความเข้าใจพรรคต่างเมืองต่างๆ นอกเหนือจากการชี้แจงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ สำหรับจุดยืนของพรรคชาติพัฒนานั้น โดยหลักการทั่วๆ ไป การอภิปรายไม่ไว้วางใจส่วนใหญ่เราก็ต้องฟังกัน 2 – 3 วัน มีประเด็นหลัก มีอะไรที่เสียหายมากน้อยเพียงใด ดูกระแสสังคม และพรรครัฐบาลเขาก็จะพูดคุยกันตอนนั้น ทั้งนี้รัฐบาลอย่างน้อยก็ต้องยืนอยู่บนพื้นฐานที่เสถียรภาพมั่นคงก่อน ทำความเข้าใจกับทุกพรรคการเมืองให้ดีก่อน และขั้นตอนที่สองชี้แจงคำถามให้ดีที่สุด

เมื่อถามย้ำว่า พรรคชาติพัฒนายังยืนยันจะยืนเคียงข้างรัฐบาล และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีต่อไป นายสุวัจน์ กล่าวว่า ณ ขณะนี้พรรคชาติพัฒนาก็ยังเป็นพรรคร่วมรัฐบาล

เมื่อถามถึงกรณีพรรคภูมิใจไทย นำโดยนายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรค ประชุมกับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครราชสีมาทั้ง 16 เขตประกาศจะกวาดที่นั่งได้ทั้ง 16 เขต 16 คนของ จ.นครราชสีมา ยกทั้งจังหวัดนั้น นายสุวัจน์ ยิ้มส่ายหน้าโบกมือก่อนตอบว่า โนคอมเมนต์ ก็เป็นเรื่องของแต่ละพรรค แต่ว่าในส่วนของพรรคชาติพัฒนาเราก็คิดว่าเที่ยวนี้เราเอาจริงๆ นะ เพราะว่าอะไรที่ตนบอกใช้คำว่าเอาจริง เพราะว่าวันนี้บ้านเมืองมีปัญหามากๆ โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ กับวิกฤติเศรษฐกิจจริงๆ ที่มากับเรื่องโควิด และมากับสถานการณ์สงคราม น้ำมันแพง เงินเฟ้อ ปรับขึ้นค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น และพี่น้องประชาชนเดือดร้อนกันจริงๆ ฉะนั้นในฐานะที่เป็นพรรคการเมืองเก่าแก่ 30 ปีแล้ว ผ่านร้อน ผ่านหนาว ผ่านประสบการณ์ ผ่านการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจต่างๆ เหล่านี้ เราเห็นใจพี่น้องประชาชนมาก และเรามีความมุ่งมั่นว่า ในการเลือกตั้งครั้งใหญ่ครั้งที่จะถึงนี้เราอยากเข้ามามีส่วนในการแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนเหมือนในอดีตที่เราได้มีส่วนได้ช่วยเหลือประเทศชาติมาตลอด

“ฉะนั้นเที่ยวนี้จะพยายามเต็มที่ในการที่จะเข้ามาแก้ไขให้กับพี่น้องประชาชน จะทำงานอย่างเต็มที่ และทำสุดความสามารถเลย เพื่อให้ได้เสียงสนับสนุนเพียงพอในการที่จะมาผลักดันภารกิจเพื่อประเทศชาติ เพื่อพี่น้องประชาชน เราสู้ ก็คิดว่าคงสู้ในเกมเลือกตั้งอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้ ส.ส. โดยเฉพาะที่ จ.นครราชสีมา ซึ่งผมจำได้ในอดีต ในยุคที่เคยรุ่งเรืองสุดขีด ตอนท่าน พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกรัฐมนตรี พรรคชาติพัฒนาเคยได้ถึง 15 เสียง แต่ว่าเที่ยวนี้ก็ไม่ทราบว่าจะเป็นอย่างไร แต่จะทำเต็มที่ ทำสุดหัวใจ ทำให้ดีที่สุด ทำเพื่อพี่น้องประชาชนชาวโคราช” นายสุวัจน์ ระบุ

ส่วนที่มีข่าวว่าจะย้ายรูปปั้น พล.อ.ชาติชาย ที่กรุงเทพฯ มาไว้ที่หน้าสำนักงานพรรคชาติพัฒนา จ.นครราชสีมา เพื่อสร้างขวัญกำลังใจ ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งครั้งหน้านั้น นายสุวัจน์ กล่าวว่า ตั้งใจไว้อย่างนั้น จะเชิญท่านมาอยู่กับพี่น้องประชาชนชาวโคราช เพราะว่าเราได้ย้ายสำนักงานใหญ่พรรคชาติพัฒนาจากที่กรุงเทพฯ มาอยู่ที่ จ.นครราชสีมา และมีรูปั้น พล.อ.ชาติชาย ขนาดใหญ่ที่อยู่กับเรา เป็นกำลังใจให้เรามาตลอด ฉะนั้นเมื่อย้ายสำนักงานใหญ่มาอยู่ที่โคราชแล้ว คิดว่าคงจะต้องเชิญท่านมาอยู่กับพวกเราที่โคราชด้วย เพื่อเป็นสัญลักษณ์และเป็นกำลังใจให้กับพรรคชาติพัฒนาและพี่น้องประชาชนชาวโคราชด้วย

เมื่อถามถึงแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทย ภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายสุวัจน์ กล่าวว่า ตอนนี้ก็มีความมั่นใจด้วยกันทุกพรรค เพราะว่าสัญญาณเรื่องของการเลือกตั้งก็เห็นกันอยู่แล้วว่าใกล้เข้ามา ทุกพรรคก็แสดงความมั่นใจ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคนที่ให้คำตอบได้ดีสุดก็คือพี่น้องประชาชน และปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่จะเป็นสิ่งชี้ขาดถึงชัยชนะของแต่ละพรรคก็คือ การที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้พี่น้องประชาชนมีความเชื่อมั่นในเรื่องของความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ นโยบายและตัวบุคลากรของแต่ละพรรค ใครจะทำได้ดีที่สุด อย่างพรรคชาติพัฒนาเองตอนนี้นโยบายในเรื่องเศรษฐกิจและบุคลากรเรามีความพร้อม เราจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับพี่น้องประชาชน

ส่วนการเป็นพันธมิตรที่ดีกับพรรคเพื่อไทยหรืออีกหลายๆ พรรคนั้น ตนคิดว่าพรรคชาติพัฒนาเราทำงานการเมืองแบบเดินสายกลางมาตลอด เราต้องการเห็นการเมืองที่มีความร่วมมือและลดความขัดแย้ง เพราะบรรยากาศบ้านเมืองตอนนี้เราบอบช้ำมาหลายด้าน ถ้าเกิดการเมืองมีความร่วมมือกันแล้วจะทำให้สถานการณ์ต่างๆ ดีขึ้นโดยเฉพาะหลังเลือกตั้ง ตนคิดว่าเสถียรภาพทางการเมืองที่จะเกิดความมั่นคงต่อการทำงานของรัฐบาลมีความจำเป็นมากๆ ว่าเราต้องแก้ไขปัญหาบ้านเมืองบนพื้นฐานของวิกฤติหลายอย่างที่เกิดขึ้น ฉะนั้นความร่วมไม้ร่วมมือทางการเมืองกับทุกพรรคการเมือง จะมีส่วนสำคัญเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาต่างๆ ทำได้ดีขึ้น ถึงจะเป็นฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล เราก็พยายามที่จะให้ความคิดเห็นอะไรต่างๆ ที่ได้ประโยชน์ต่อประเทศ ไม่ได้หมายความว่าจะต้องร่วมมือไปเป็นรัฐบาลอย่างเดียว บางทีก็คงจะต้องคนละบทบาท คนละหน้าที่ แต่ว่าพื้นฐานของความเข้าใจกันของการเห็นประโยชน์ส่วนรวม และไม่ขัดแย้งกันมากจนทำให้เกิดการเดดล็อกทางการเมือง อย่างที่ผ่านมา ฉะนั้นพรรคชาติพัฒนาเองเราวางสถานภาพของการอยู่ทางสายกลางที่อยู่บนพื้นฐานของความร่วมมือ ไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร.