เชื่อหมอ-เชื่อผู้เชี่ยวชาญเอาไว้ก่อนนั่นแหละดี...โดยเฉพาะผู้เชี่ยวชาญระดับโลก อย่างองค์การอนามัยโลก WHO ที่ได้ออกมาเตือนเอาไว้ก่อนล่วงหน้า ว่าถ้าหากสามารถลดๆ การบันเทิง เริงรมย์ ในช่วงระหว่างเทศกาลเฉลิมฉลองลงไปได้มั่ง อย่างน้อย...มันน่าจะ ชัวร์ กว่า เพราะแม้ว่าท่านเชื้อไวรัสตัวใหม่อย่าง Omicron ท่านจะแรง-ไม่แรง หรือไม่ เพียงใด ก็แล้วแต่ แต่ในแง่ความ เร็ว แห่งการแพร่ การระบาดแล้ว ออกจะเป็นอะไรที่น่าเกลียด-น่ากลัว ไม่น้อยไปกว่ากัน...
-----------------------------------------------
คือไม่ว่าจะแค่ไอค็อกๆ แค็กๆ ไอกระด๊อกกระแด๊ก คัดจมูกน้ำมูกไหล อ่อนเพลียละเหี่ยใจในบางช่วง บางระยะ แต่ถ้าหากแต่ละคน แต่ละราย ต้องแห่เข้ามาพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล เพิ่มขึ้นเป็น 5 เท่า 6 เท่า หรือเพิ่มขึ้นเป็นวันละ 3,000 คนอย่างอังกฤษ
หรือจะอีกซักกี่พัน กี่หมื่นคนอย่างอเมริกาก็ตามแต่ โอกาสที่บุคลากรทางแพทย์ แพทย์และพยาบาล ท่านจะเหนื่อยฉิบหาย ชนิดอาจตายโหง ตายห่า ลงไปซะก่อน ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ หรืออาจส่งผลให้ ระบบสาธารณสุข ของแต่ละประเทศ ถึงขั้น ล่มสลาย ลงไปเลยก็ไม่แน่!!! ด้วยเหตุนี้...การที่รัฐบาลไทยท่านได้แสดงออกถึง สติ ไม่ได้คิดจะเปิดอะไรแบบอ้าซ่า หรือคิดจะ แบรับ กันลูกเดียว ย่อมต้องถือเป็นเรื่องเหมาะแล้ว ชอบแล้ว หรือถือเป็นการไม่ยึดมั่น ถือมั่น อยู่ใน หนทางแห่งความประมาท อันมีแต่ตาย...กับ...ตาย เท่านั้นเอง...
---------------------------------------------------
ส่วนบรรดาหมอๆ หรือผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายนั้น...ท่านคงไม่ได้ถึงกับ มาโซคิสม์ ระดับอยากจะให้อะไรต่อมิอะไรน่าเกลียด น่ากลัวเข้าไว้ เพราะโดยข้อมูล ข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ ก็พอเป็นที่รับรู้ รับทราบ ว่าการหวนกลับไปสู่มาตการป้องกันแบบเดิมๆ หวนกลับไปสู่การ คุมเข้ม อะไรต่อมิอะไรต่างๆ นั้น ย่อมมีผลต่อการ อดตาย ไม่ว่าตั้งแต่ระดับปุถุชนคนธรรมดาไปจนถึงแม้แต่รัฐบาลเอาเลยก็ว่าได้ เนื่องจากต้องมีแต่จ่าย...กับ...จ่ายลูกเดียว อะไรที่เคยเป็นรายรับหนีไม่พ้นต้องหายเกลี้ยง หรือแทบไม่มีโอกาส ไม่หวนกลับมาเอาเลยแม้แต่น้อย แต่ก็นั่นแหละ...การแสวงหาหนทางที่จะทำให้การ ป่วยตาย กับการ อดตาย มันอยู่ใน จุดสมดุล ไม่ได้เน้นน้ำหนักไปในข้างหนึ่ง-ข้างใดมากมายเกินไปนัก มันคงต้องอาศัยศิลปะความสามารถ อาศัยการตัดสินใจที่เหมาะสม สอดคล้อง กับสถานการณ์ในแต่ละห้วง แต่ละระยะของ รัฐบาล นั่นเอง...
-------------------------------------------------
อย่างที่ หมอ-ยง หรือนายแพทย์ ยง ภู่วรวรรณ แห่งศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา ที่ต้องถือเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับ ของจริง-ของแท้ ท่านได้ออกมาแสดงความเห็นในแบบ ปลายเปิด เอาไว้แล้วนั่นแหละว่า ด้วยความ มาเร็ว แต่จะแรง-ไม่แรงเพียงใดก็ตาม ของเชื้อไวรัสตัวใหม่ตัวนี้ โอกาสส่งผลให้เกิดการต้องหวนกลับไปสู่มาตรการคุมเข้มแบบเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็นการกักตัว 7 วัน 10 วัน 14 วัน การงดกิจกรรมความบันเทิง เริงรมย์ในช่วงปีใหม่ ไปจนถึงการลด การระงับการเดินทางในแต่ละช่วง แต่ละระยะ ฯลฯ จึงมีความเป็นไปได้ยิ่งขึ้นไปเท่านั้น แต่ทั้งนั้น ทั้งนี้...คงต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาลเองนั่นแหละ ว่าจะหา จุดสมดุล ได้มาก-น้อยแค่ไหน???
---------------------------------------------------
ด้วยเหตุนี้...การเป็นรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ประเภทไหน หรือไม่ว่าจะเป็นประเทศใด สังคมใด ในช่วงนี้ก็เถอะ!!! คงต้องยอมรับว่า ออกจะเป็นอะไรที่ยากซ์ซ์ซ์ฉิบหาย รวมทั้งเหนื่อยย์ย์ย์ฉิบหาย อย่างมิอาจปฏิเสธได้เลย ไม่ว่าจะรัฐบาลอเมริกา อังกฤษ หรือยุโรปทั้งยุโรป ไปจนรัฐบาลอิสราเอลที่เพิ่งออกประกาศห้ามนักท่องเที่ยว-เดินทางจากอเมริกาเข้าประเทศตัวเองโดยเด็ดขาด หรือแม้แต่รัฐบาลเผด็จการคอมมิวนิสต์ อย่างรัฐบาลจีนก็เถอะ การตรวจพบผู้ติดเชื้อ Omicron ภายในประเทศ ไม่ว่าที่ฮ่องกง หรือกวางโจว จะนำไปสู่การปิดบ้าน ปิดเมือง ปิดทางเข้า-ทางออกของผู้คนนับสิบๆ ล้าน หรือจะอีกซักกี่ล้านต่อกี่ล้าน หรือไม่ อย่างไร ก็ยังยากที่จะสรุปได้...
-----------------------------------------------------
เพราะอย่างที่ว่าเอาไว้แล้วนั่นแหละว่า...การมาถึงของท่านเชื้อไวรัสโควิด-19 ณ ช่วงศตวรรษนี้ แทบไม่ต่างอะไรไปจากการ ปราบเซียน เอาเลยก็ว่าได้ เป็นการนำมาซึ่งการบีบบังคับให้ วิถีชีวิต แบบเดิมๆ ของมวลมนุษย์ต้องถูกปรับเปลี่ยนไปจากสภาวะเท่าที่เคยเป็น-มา มากบ้าง-น้อยบ้างไปตามสภาพ แค่เห็น พลโลก แทบทั้งโลก ต้องหันมา สวมหน้ากาก ปานประหนึ่งมนุษย์ต่างดาวกันไปทั่วทั้งโลก ก็ต้องถือเป็นเครื่องพิสูจน์ ยืนยัน พอสมควรแล้ว ว่าอะไรต่อมิอะไรในโลกใบนี้ มันคงหนีไม่พ้นต้องย่างเข้าสู่ โหมดแห่งการเปลี่ยนแปลง อย่างมิพึงต้องสงสัย ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ สังคม หรือไปจนถึงระบบการเมือง-การปกครอง ก็แล้วแต่...
---------------------------------------------------
ดังนั้น...แม้จะยังไม่เป็นที่แจ่มแจ้ง ชัดเจน ลงไปแบบเบ็ดเสร็จ เด็ดขาด ว่าเศรษฐกิจ สังคม การเมืองแบบใหม่ หรือ วิถีชีวิตแบบใหม่ มันจะออกมารูปไหน ต่อรูปไหน หรือจะเป็นอะไรกันแน่!!! แต่โดยพื้นฐานขั้นแรกก็คงหนีไม่พ้นต้องหันมาตั้งมั่นอยู่ใน ความไม่ประมาท เอาไว้ก่อนนั่นแหละดี เพราะอย่างน้อย...การ ไปไม่เป็น หรือไม่รู้ว่าจะไปทางไหนกันดีถึงจะพอช่วยให้เกิด จุดสมดุล ของแต่ละประเทศ แต่ละสังคม ก็ยังน่าจะดีกว่าการ ไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี-หนีไม่พ้น ที่มีแต่ต้องรอนิมนต์พระขึ้นเมรุ รอการเผาหลอกและเผาจริง อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้เลย...
----------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Peter T. Mcintyre... “Confidence comes not from always being right but from not fearing to be wrong. - ความมั่นใจ...มิใช่เป็นสิ่งที่เกิดจากการเป็นฝ่ายถูกเสมอไป หากเกิดจากการไม่กลัวที่จะเป็นฝ่ายผิด...”
---------------------------------------------------
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อย่าถึงกับต้องไปถือสาหาความ
ถือซะว่า...ท่านอาจ หาเสียง มาซะจนเคย!!! คือการประกาศจะสมัครเป็นผู้ว่าฯ กทม.มาก่อนล่วงหน้า 2 ปีเนี่ย ย่อมมิใช่น้อยๆ
ต้องเริ่มต้นด้วยการทำลาย 'ความเกลียด'
นับตั้งแต่คุณน้า ชัชชาติ บุรุษผู้กล้ามใหญ่ที่สุดในปฐพี ท่านแลนด์สไลด์ แอฝะล้านช์ หิมะถล่ม ดินทลาย ในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เที่ยวนี้
ว่ากันไปเรื่อยๆ!!!
เห็นว่า...ตั้งแต่สัปดาห์หน้า วันที่ 1 มิ.ย. บรรดา ขาเฮ และ ขาหื่น ทั้งหลาย
ว่าด้วย...ชัยชนะการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.
อืมม์ม์ม์...ต้องเรียกว่าทั้ง แลนด์ ทั้ง สไลด์ เอาเลยทีเดียวเจียว สำหรับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เที่ยวนี้
จาก กทม.ถึงความเป็นชาติ เป็นสังคมไทย
ขณะกำลังปั่นต้นฉบับชิ้นนี้...ก็ยังไม่มีโอกาสรับรู้ได้เลยว่า ตกลงใครเป็นหมู่ เป็นจ่า เป็นสารวัตรกันแน่!!!
ว่าด้วย...อนาคตของ “บิ๊กตู่”
หมู่นี้รู้สึกว่า...เสียงด่า เสียงทอ ท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ของหมู่เฮา น่าจะซาๆ ไปพอสมควร จะด้วยเหตุเพราะใครต่อใครหันไปสนใจเรื่องอื่น