ผู้บังคับการตำรวจภูธรพิจิตรตั้งชุดไล่ล่าฆ่าหั่นศพเผานั่งยาง เตรียมออกหมายจับเมียสาวชาวไทยสมคบชู้หนุ่มต่างชาติฆ่าผัวชาวอิิตาลี  มั่นใจหลักฐานมัดได้ตัวได้แน่

22 ม.ค. 61 - ที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอบึงนาราง พล.ต.ต.ธวัชชัย มวลนรา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิจิตร ได้ประชุมทีมสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดี ฆ่าหั่นศพเผานั่งยาง บริเวณจุดเกิดเหตุข้างอ่างเก็บน้ำบ้านบึงทับจั่น ตรงข้ามอบต.แหลมรัง ตำบลแหลมรัง อำเภอบึงนาราง จังหวัดพิจิตร  เหตุเกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 19มกราคม ที่ผ่านมา โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน และตำรวจท่องเที่ยว ได้สรุปรวบรวมพยานหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุ และหลักฐานที่ตรวจค้นภายในบ้านพักของผู้ต้องสงสัย ส่งตรวจพิสูจน์ทางสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ รวมทั้งสืบสวนทางอุปกรณ์เทคโนโลยีสื่อสารในทางลับ ตลอดจนพยานสิ่งแวดล้อมมาเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน  ซึ่งจะทราบผลพิสูจน์ต่างๆในเร็วๆวันนี้ เพื่อนำไปสู่การออกหมายจับผู้ต้องสงสัย และผู้ร่วมขบวนการฆ่าเผานั่งยางในครั้งนี้

โดย พล.ต.ต.ธวัชชัย  ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิจิตร กล่าวว่า จากการตรวจสอบวัตถุพยานหลักฐานและพยานบุคคล ซึ่งค่อนข้างชัดเจนว่าผู้ตาย คือนายจูเซปเป เดอ สเตฟานี (โจเซฟ ) อายุ 61 ปี   เป็นชาวอิตาลี อย่างแน่นอน  ส่วนนางรุธจิรา เอี่ยมละม้าย ภรรยา ซึ่งขณะนี้ตกเป็นผู้ต้องสงสัย เพราะหลังเกิดเหตุได้หลบหนีไปกับสามีใหม่ซึ่งเป็นชาวฝรั่งเศส คือนายฮามัวรี่  ซึ่งก็ได้หลบหนีไปพร้อมกับนางรุจิรา พร้อมด้วยรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นยาริส สีบอนด์ หมายเลขทะเบียน กค-1374 สมุทรสงคราม นอกจากนี้ยังพบจดหมายที่ นายจูเซปเป เดอ สเตฟานี (โจเซฟ )  ผู้ตายได้เขียนทิ้งเอาไว้ 1ฉบับ มีข้อความว่า “ที่เธอบอกว่ารัก เพราะเพียงต้องการเงินเท่านั้น ไม่เคยเจอใครเลวเท่านี้” ทำให้มีการทะเลาะกันรุนแรง

สำหรับนายฮามัวรี่ ซึ่งเป็นชาวฝรั่งเศส ได้รับการยืนยันจาก สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองว่าเป็นบุคลต้องห้ามในการเข้ามาในราชอาณาจักร จึงเป็นฉนวนเหตุและเกิดทะเลาะกันและเกิดการฆาตกรรมในครั้งนี้ดังกล่าว  อีกทั้งยังพบหลักฐานคือก้นบุหรี่ยี่ห้อเรออฟ ซึ่งไม่มีขายในไทย จึงค่อนข้างชัดเจนว่าผู้ตายคือนายสเตฟารี่ ชาวอิตตาลี่

อย่างไรก็ตามได้ส่งทีมติดตามตัวนางรุธจิรา และนายฮามัวรี่ ชาวฝรั่งเศสมาสอบสวน ซึ่งเชื่อว่าในการก่อเหตุครั้งนี้จะมีคนอื่นๆมีส่วนร่วมอีก 2-3 คน โดยได้ส่งทีมสืบสวนเพิ่มเติมอีกชุดหนึ่งแกะรอยติดตามอยู่ซึงเป็นคนในพื้นที่ ซึ่งคาดว่าในเร็ววันนี้จะสามารถนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษได้อย่างแน่นอน เนื่องจากเป็นคดีอุจฉกรรจ์และสะเทือนขวัญกับคนในท้องที่เป็นอย่างมาก.